รู้สึกเป็นตัวถ่วงครอบครัวใช่ไหม นี่คือสิ่งที่พี่อยากบอกน้อง ๆ ในวัยเรียน
รู้สึกเป็นภาระครอบครัวในช่วงวัยเรียนใช่ไหม พี่เข้าใจความรู้สึกนั้น มาดูวิธีจัดการความคิดเชิงลบและค้นพบคุณค่าของตัวเองในสังคมครอบครัว

ถึงน้อง ๆ วัยเรียน รวมถึงคนที่กำลังจะเรียนจบแต่รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ หลายคนอาจเคยรู้สึกอึดอัด เหนื่อยใจ หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าตัวเอง “เป็นภาระ” ให้พ่อแม่ บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงของคนที่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว และอยากบอกว่า คุณไม่ได้เป็นตัวถ่วง — คุณคือ “ดอกไม้ที่เขาปลูกด้วยความรัก”
ทำไมวัยเรียนถึงรู้สึกเป็นภาระของครอบครัว?
ความรู้สึกว่า “เป็นตัวถ่วง” มักเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
- เห็นพ่อแม่ทำงานหนักแต่ตัวเองยังต้องขอเงินค่าเทอม ค่าหอ ค่ากิน
- ผลการเรียนไม่เป็นไปตามที่หวัง ทั้งที่พยายามเต็มที่แล้ว
- เปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนที่เริ่มทำงานและมีรายได้แล้ว
- รู้สึกผิดที่ยังไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้ครอบครัวได้
ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ผิดเลย เพราะมันมาจาก “ความรัก” และ “ความตั้งใจดี” ที่เรามีต่อครอบครัว แต่เมื่อมันถูกบีบอัดไว้โดยไม่มีทางระบาย จึงกลายเป็นความเครียดที่กดทับใจ
ปรับมุมมองใหม่: คุณไม่ใช่ตัวถ่วง แต่คือ “การลงทุนที่พ่อแม่ภูมิใจ”
พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ได้มองการส่งเสียลูกเรียนว่าเป็นภาระ แต่มองว่าเป็น “การลงทุนระยะยาว” ที่พวกเขาเต็มใจทำด้วยหัวใจ พวกเขาไม่ได้หวังให้คุณรีบทำงานใช้หนี้ แต่หวังว่าคุณจะเติบโตเป็นคนดี มีอนาคตที่มั่นคง และมีความสุข
เพราะฉะนั้น อย่าโทษตัวเองที่ยังไม่ “สำเร็จ” ตามมาตรฐานของคนอื่น ชีวิตทุกคนมีจังหวะของตัวเอง
หน้าที่ของนักเรียน/นักศึกษาในวันนี้คืออะไร?
แม้จะยังหาเงินช่วยครอบครัวไม่ได้มาก แต่คุณยังมี “หน้าที่ที่มีค่า” อยู่ ได้แก่
- ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
- ดูแลสุขภาพกายและใจตัวเองให้แข็งแรง
- ไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้พ่อแม่ต้องกังวล
- แสดงความรู้คุณ ด้วยการกระทำเล็ก ๆ เช่น ช่วยงานบ้าน หรือพูดคำว่า “ขอบคุณ”
การที่คุณใช้ชีวิตอย่างรับผิดชอบในทุกวันนี้ คือการแสดงความรักและการตอบแทนที่ดีที่สุดในวัยนี้
5 วิธีลดความรู้สึกว่า “ตัวเองเป็นภาระ”
- เปิดใจคุยกับพ่อแม่ — ลองหาโอกาสที่เหมาะสม บอกพวกเขาว่าคุณรู้สึกขอบคุณ หรือแค่ถามว่า “วันนี้เหนื่อยไหมครับ/คะ” ก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น
- โฟกัสสิ่งที่คุณควบคุมได้ — คุณอาจเปลี่ยนรายได้ของพ่อแม่ไม่ได้ แต่คุณควบคุม “ความพยายาม” และ “วินัย” ของตัวเองได้เสมอ
- มองหาคุณค่าในตัวเอง — อย่าเทียบตัวเองกับคนอื่น คุณอาจไม่เก่งวิชาการ แต่คุณอาจเก่งเรื่องการฟัง ให้กำลังใจ หรือมีความคิดสร้างสรรค์
- หารายได้เสริมเล็ก ๆ — ถ้ามีเวลาและไม่กระทบการเรียน ลองรับงานพาร์ทไทม์ เช่น ติวเพื่อน ขายของออนไลน์ หรือรับจ้างดิจิทัล แค่นี้ก็ช่วยให้รู้สึกพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
- ดูแลสุขภาพจิตด้วยการออกกำลังกาย — การออกกำลังกายไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มสารเอ็นดอร์ฟิน และทำให้คิดบวกขึ้น
ชีวิตวัยเรียนคือช่วง “เตรียมความพร้อม” ไม่ใช่ช่วง “ตัดสินคุณค่า”
จำไว้ว่า ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ “ใครถึงเส้นชัยก่อน” แต่วัดที่ “ใครไม่ยอมแพ้” บางคนอาจใช้เวลา 4 ปี บางคน 6 ปี หรือมากกว่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณยังเดินต่อไปอยู่หรือไม่
ช่วงเวลานี้อาจรู้สึกหนัก แต่มันเป็นเพียง “ตอนหนึ่ง” ของชีวิต ไม่ใช่ทั้งชีวิต
เสริมความน่าเชื่อถือด้วยประสบการณ์จริงและข้อมูลปัจจุบัน
จากการสำรวจภาวะสุขภาพจิตของนักศึกษาไทยปี 2025 โดยสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ ระบุว่า กว่า 68% ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษารู้สึก “กดดันจากภาระทางการเงินของครอบครัว” และ 52% รู้สึก “ผิดที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือพ่อแม่ได้” ซึ่งสะท้อนว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียว
กรณีศึกษาจริง เช่น นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2024 ที่รับจ้างแปลเอกสารระหว่างเรียน เพื่อช่วยค่าใช้จ่าย และยังได้ฝึกทักษะวิชาชีพไปพร้อมกัน คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า “ความพยายามเล็ก ๆ” สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
สรุป: คุณมีคุณค่า แม้ในวันที่รู้สึกว่าไม่มี
การที่คุณรู้สึกอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ แปลว่าคุณมี “หัวใจที่ดี” อย่าปล่อยให้ความรู้สึกผิดหรือความเครียดบดบังสิ่งนั้น ทำหน้าที่ของคุณในวันนี้ให้ดีที่สุด ดูแลตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง และเชื่อมั่นว่าอีกไม่นาน คุณจะกลายเป็น “ความภูมิใจ” ของครอบครัวได้จริง ๆ
พี่ชายคนนี้เป็นกำลังใจให้เสมอ ฮักนะ
- ความเห็น 0
- แชร์แล้ว 272
-
ชอบ 1
-
เก็บไว้ในคลัง 1
- จำนวนการเข้าชม 256




