สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากช่วงเวลาสุดท้ายอันแสนสั้นของเธอ .. น้องอิง
หญิงสาววัย 28 ปีกับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่: เลือกใช้ชีวิตแทนการรักษา บทเรียนลึกซึ้งเกี่ยวกับความสุข ความรัก และการยอมรับความจริง ที่ทุกคนควรได้อ่าน

ผมได้มีโอกาสฟังเรื่องราวหนึ่งจากช่อง Youtube มนุษย์ต่างวัย Talk EP.53 ที่ทำให้ผมนั่งนิ่งเงียบไปนาน หลังจากรับฟังเรื่องราวของน้องแล้ว คลังแสงนี้สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยจริง ๆ ครับ
เรื่องราวของ น้องอิง – วิภาวี หญิงสาวอายุเพียง 28 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่กับโรคเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ประเมินว่า น้องอาจมีเวลาอยู่กับเราอีกแค่หนึ่งปี
แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจไม่ใช่แค่ความกล้าหาญของน้องที่ยอมรับความจริง แต่คือความกล้าที่จะเลือกชีวิต แม้ในวันที่ชีวิตบอกว่า น้องเหลือเวลาเท่านี้นะ
อิงผ่านการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ มานานกว่าครึ่งปี ทั้งยาเคมีบำบัด ยาภูมิคุ้มกัน ทุกอย่างที่พอจะช่วยยื้อเวลาได้ แต่ร่างกายของน้องไม่ตอบสนองอีกต่อไป
แล้ววันหนึ่ง น้องต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
เลือกระหว่าง รับการรักษาที่ทรมานเหมือนเดิม หรือ เปลี่ยนมาดูแลแบบประคับประคอง เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในช่วงเวลาที่เหลือ
น้องเลือกทางหลัง
เพราะน้อง “อยากใช้ชีวิต” มากกว่า “แค่ได้หายใจ”
น้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นสุขว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ร่างกายน้องอาจยังมีชีวิต แต่ “หัวใจ” ไม่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ ทุกวัน มันคือการนอนรอ รอผลเลือด รอคิวหมอ รอความหวัง จนเพื่อนถามน้องคำถามหนึ่ง “ถ้ารักษาไปแล้ว ร่างกายมึงยังพร้อมจะใช้ชีวิตมั้ย”
คำถามนั้นทำให้น้องตั้งคำถามกับตัวเองเป็นร้อยรอบ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา
แล้วในที่สุด น้องก็ตัดสินใจ
“เราเลือกที่จะอยู่… ด้วยวิธีของเรา”
น้องไม่ขอรับการยื้อชีวิต ไม่ขอปั๊มหัวใจ ไม่ขอใส่ท่อช่วยหายใจ หรือ ท่อให้อาหาร ทุกอย่างถูกเขียนไว้ในแผนการดูแลล่วงหน้า ร่วมกับคุณแม่และทีมแพทย์
น้องบอกว่า ชีวิตไม่ใช่แค่ “อยู่” แต่คือ “ใช้ชีวิต”
และตอนนี้ น้องกำลังใช้มันอย่างเต็มที่
น้องเริ่มเห็นคุณค่าของทุกวินาที ที่แต่ก่อนอาจมองข้ามไป
แค่ตื่นขึ้นมา ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน ก็รู้สึกดีใจแล้ว
อิงสัมผัสว่า แค่ได้กินข้าวที่คุณแม่ทำ ได้ดูหนังด้วยกัน ได้เล่นกับสุนัข หรือ ได้คุยกับเพื่อน ทุกอย่างกลายเป็น “ความสุข” ที่แท้จริง
น้องพูดด้วยน้ำเสียงที่มันทะลวงลึกลงไปในหัวใจของผม มันเป็นเสียงของคนที่เต็มไปด้วยความเข้าใจในชัยชนะอย่างแท้จริง
“ตอนที่อยู่กับการรักษา หนูรู้สึกว่าหนูมีชีวิต แต่ไม่ได้ใช้ชีวิต… มันเหมือนไร้จิตวิญญาณ ไร้ความรู้สึก”
“แต่ตอนนี้ หนูหายใจ… และใช้ชีวิตด้วย”
การยอมรับความตาย ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนเช่นที่ผม ก็ผ่านการตัดสินใจมาแล้วเช่นกัน
อิงก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะจากไปก่อนจะได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ กลัวว่าคุณแม่จะเสียใจ กลัวว่าพี่ชายจะเหงา
แต่เมื่อน้องเริ่มพูดคุยกับครอบครัวอย่างเปิดใจ เรื่องการรักษา การดูแลตัวเอง แม้แต่เรื่องงานศพ น้องรู้สึกเบาใจขึ้น
น้องจะเขียนทุกอย่างไว้ในสมุด บัญชี รหัสผ่าน ความปรารถนาที่จะจัดงานศพที่ให้เรียบง่าย แต่อบอุ่น แขกที่มาร่วมงานอยากให้ได้กินดีอยู่ดี ของชำร่วยเป็นถุงผ้า ที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ของทิ้ง
และเพลงที่เปิดหน้าศพ ขอเป็นเพลงเกาหลี หรือ เพลงวัยรุ่นที่น้องชอบ ไม่ต้องเป็นเพลงเศร้าแบบดั้งเดิม
รูปถ่ายหน้าศพ ก็ขอเป็นรูปที่สวย ที่ยิ้ม ไม่ต้องมีวันมรณะ ขอแค่เป็น “น้อง” ในแบบที่น้องเป็น
เรื่องราวของน้องอิง สำหรับผมแล้ว มันไม่ได้เป็นเรื่อง “ความตาย” เลย แต่เป็นเรื่องของ “ความหมายชีวิต” จริง ๆ
ชีวิตที่ถูกมองใหม่ เมื่อรู้ว่าเวลาไม่มีเหลือมากนัก
ชีวิตที่ถูกเลือก ไม่ใช่แค่ถูกผ่านพ้น
และชีวิตที่ยังมีความสุข แม้ในวันที่ร่างกายไม่เอาด้วยกับเราแล้ว
สิ่งที่น้องฝากไว้ในวันนี้ คือ บทเรียนที่ทุกคนควรได้ยิน
“อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ทุกวินาทีที่มีอยู่… แค่ได้มีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น ก็พอแล้ว”
“อยากให้มองความตายว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือความล้มเหลว”
“อย่าโทษตัวเองเมื่อเจ็บป่วย เพราะมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เพราะคุณ “ผิด” หรือ “โชคร้าย””
และวิธีคิด สำคัญกว่าเงินทอง
เงินอาจซื้อยาแพงได้
แต่ซื้อ “ความสุข” ในการใช้ชีวิตไม่ได้
ร่างกายมีขีดจำกัด
แต่หัวใจไม่ได้มีขีดจำกัดว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
น้องอิงไม่ได้สอนให้เรา “ยอมแพ้”
แต่น้องสอนให้เรา “เลือก”
เลือกที่จะอยู่อย่างมีความหมาย
เลือกที่จะรักคนรอบตัว
เลือกที่จะสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
และเลือกที่จะจากไปอย่างสงบ
หากวันหนึ่ง
เราต้องเผชิญกับความตาย
ขอให้เราจำไว้ว่า
“การยอมรับ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ
แต่คือความกล้าที่สุดในการใช้ชีวิต
และบางที …
การได้ตระหนักรู้ และ ได้มีความสุขในวาระสุดท้าย อาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ได้
ดูคลิปสัมภาษณ์น้องอิง คลิกลิงค์ด้านล่าง
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
ผมขอฝากกด subscribe ช่องยูทูปมนุษย์ต่างวัย กดไลค์ และ กดแชร์ EP นี้ให้เป็นการฮีลใจผู้เจ็บป่วย ให้ตระหนักถึงสิ่งสำคัญกว่าการรักษา หากการรักษาไม่ได้เติมเต็มชีวิตของเรานะครับ
ผมจะจดจำน้องอิงไว้ในฐานะที่ผมก็เป็นผู้ป่วยเช่นเดียวกัน และ ฮักทูฮีลนี้ .. ก็เกิดขึ้นเพราะการตระหนักถึงความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิตผมด้วยเช่นกัน
แม้เราจะไม่รู้จักกัน แต่ก็ขอกล่าวไว้ล่วงหน้าว่า 'แล้วเจอกันที่ปลายขอบฟ้าอันสวยงามของดินแดนแห่งความรักนะครับ น้องอิง'