ความเหงาไม่ได้เกิดจากความโดดเดี่ยว แต่เกิดจากคนรอบข้างที่ไม่ใช่
หลายคนอาจเชื่อว่าการอยู่ลำพัง คือ ต้นเหตุของความเหงา แต่แท้จริงแล้ว นั่นไม่ใช่คำตอบทั้งหมด หากเราต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่เข้าใจเราเลย นั่นต่างหาก ที่เป็นความเงียบงันในหัวใจอย่างแท้จริง
ความโดดเดี่ยว ความเหงา ไม่มีเพื่อน ไม่เข้าสังคม introvert เดียวดาย
โดดเดี่ยวไร้ค่า
ผู้เขียน : มีม
เผยแพร่ : 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.12 น.
ปรับปรุง : 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.48 น.
วันนี้มีมอยากชวนคุณผู้อ่านคุยเรื่องของความเหงาค่ะ เหตุมันมาจากค่ำของวันหยุด มีมได้อ่านเจอประโยคหนึ่งในโลกของชาว X
'People think being alone makes you lonely,
but I don't think that's true.
Being surrounded by the wrong people
is the loneliest thing in the world.'แปลเป็นไทยสวย ๆ ได้ว่า
'หลายคนอาจเชื่อว่าการอยู่ลำพัง คือ ต้นเหตุของความเหงา
แต่แท้จริงแล้ว นั่นไม่ใช่คำตอบทั้งหมด
หากเราต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่เข้าใจเราเลย
นั่นต่างหากที่เป็นความเงียบงันในหัวใจอย่างแท้จริง'
ใจความของประโยค มันหยุดนิ้วมีมจากหน้าจอมือถือได้ทันที แล้วก็พาความคิดของมีมพุ่งทะลุออกผ่านจากกระจกคอนโด ล่องลอยไหลไปกับแสงยามเย็น อันแสนสวยงามของตึกสูงกลางเมืองกรุงเทพ
ฟังแบบสรุปใน 8 นาทีได้ที่นี่ค่ะ
Link Verify ช่องยูทูป Hug to Heal
มีมคิดว่า คนจำนวนมากคิดว่า การอยู่ลำพังนี่แหละ คือ ต้นตอของความว้าเหว่ในใจ แต่เมื่อมีมลองหยุดมองให้ลึกลงไปในรายละเอียด มีมพบว่าในความสัมพันธ์มากมายที่เรามีกันอยู่ ไม่ว่าเราจะอยู่ในรูปแบบใด เป็นคนรัก, เป็นเพื่อนข้างบ้าน, เป็นคนในครอบครัว, เป็นเพื่อนร่วมงาน
เมื่อมองลึกลงไปอีกขั้นด้วยการตั้งคำถามว่า ถ้าหากชีวิตของคุณมีปัญหาวิกฤต คุณมีใครสักคนไหม ที่คุณรู้สึกเชื่อมใจถึงเขาได้เลยว่า เขา คือ คนนั้นของคุณ
คนที่คุณโทรหา แล้วเขาจะรับสายทันทีที่คุณโทรไป คนที่เขาจะโอบกอดคุณอย่างไรเงื่อนไข และ ตัวคุณเองก็รู้สึกพีงพอใจที่จะรับความปรารถนาดีของเขาไว้โดยไม่อึดอัดใจ
มีมพบว่า คนจำนวนมากไม่มีคนแบบนี้ในชีวิตของเขาค่ะ คนที่ "เข้าใจ" หรือ รู้สึก "เชื่อมถึงหัวใจ" กันได้จริง ๆ และ มีมก็เป็นหนึ่งคนในดาวนี้ค่ะ
และ นี่ต่างหากที่มีมคิดว่า คือ สาเหตุที่ทำให้ใจของเรารู้สึกเคว้งคว้าง อ้างว้างในชีวิต มันเหมือนแปร่ง ๆ ว้า ๆ เหว่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ .. หลายคนข้างตัวก็มีคนให้นอนกอดทุกคืน
มีมหันมาถามตัวเองว่า 'การที่เราเคยคิดว่า ถ้ามีใครสักคนเคียงข้าง หรือ มีเพื่อนหลายกลุ่มก้อน ที่พร้อมกินเที่ยวเยอะแยะมากมาย มันจะช่วยให้เราไม่รู้สึกเหงาได้นะ' และ นั่น คือ หลักประกันถึงความมั่นคงและปลอดภัยทางจิตใจให้ตัวเราเองด้วย
ถ้าชุดความคิดนี้เป็นจริง แต่ว่า ทำไมบางครั้งใจเรามันรู้สึกว่างเปล่าวะ ? ทั้งที่เพื่อนก็เยอะ รู้จักคนเยอะ คิดว่า ชีวิตนี้ ชั้นไม่มีวันตกอับแน่นอน เพราะมีเครือข่ายคนให้พึ่งพาอาศัยมากมาย
แล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้ความเหงามันฝังอยู่ในใจเรา และ ทำไมมันถึงไม่ได้มาพร้อมกับการอยู่คนเดียวเสมอไป
มีมนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิต คือ เกือบ 90% ของชีวิตมีมอยู่กับงาน และต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อย ๆ ค่ะ งานที่มีมทำ มีมต้องอยู่ในวงล้อมของผู้คนเยอะมากกกกกกก ทั้งเอเจนต์ซี่ พาร์ทเนอร์ ทีมงาน ลูกค้า คือ ถ้าเอาจำนวนผู้คนในชีวิตของมีมมากองรวมกัน ก็จะได้ ม๊อบประท้วงขนาดกลางให้รัฐบาลของเรากังวลใจได้เลยหละค่ะ
ชีวิตมีม รายล้อมด้วยเสียงหัวเราะรอบตัว มีบทสนทนาทักทายไหลไปไหลมาอยู่ตลอดเวลา ด้วยตัวเนื้องานต้องทำกันเป็นกลุ่มใหญ่ ลากยาวถึงเช้าอีกวัน จบโปรเจคหนึ่งแล้วก็มีงานฉลองมากมาย ทั้งผู้ใหญ่ ผู้น้อย จนมีมก็จำไม่ได้ก็เยอะว่าใครเป็นใคร
มันก็หลายครั้งเลยค่ะ คุณผู้อ่าน
ภาพตรงหน้าของมีม คือ งานฉลองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ขนมนมเนย น้ำสี น้ำหวาน ฟองวุ้น เสียงเพลง ผู้คนดูรักกัน แต่สำหรับมีม มีมคิดว่า นั่นเป็นกติกาการเข้าสังคมของมนุษย์เราเท่านั้นเองค่ะ
จิตใจของมีมเริ่มหลุดลอยออกจากที่ตรงนั้น ลอยไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาด ไปยังดินแดนที่เหมือนมีมีมอยู่ที่นั่นอยู่คนเดียว และน่าจะเป็นจักรวาลที่ไม่มีใครตามไปถึงอีกด้วย มีมรู้สึกเหมือนเรายืนอยู่คนเดียวในโลกใบนี้นะ
มีมรู้สึกว่า ทุกอย่างที่มีมต้องทำตรงหน้า มันเป็นแค่หน้าที่ และ มีมก็ไม่ได้รู้สึกเชื่อมหัวใจลึกลงไปกับใครเลย มันมีกำแพงบางอย่างที่ปิดกั้นระหว่างเราเอาไว้ แล้วเมื่อมีมเริ่มรู้สึกว่า หมดหน้าที่แล้ว มีมก็อยากออกจากพื้นที่ตรงนั้นเลยค่ะ
กลับบ้าน อยู่ในเซฟโซน ฮีลใจไปกับพื้นที่ของเรา นอนกลิ้งเกลือกไม่ต้องเลือกท่า บนฟูกนุ่ม ๆ ที่มีขนม แล้วก็นอนกอดเจ้ามุ้งมิ้ง ดู Netflix ดีกว่า
มีมมีเพื่อนร่วมงานที่คุยกันได้แค่เรื่องงาน พอเรื่องงานจบก็เหมือนไม่มีอะไรเชื่อมกันต่อกัน เจอกันหน้าตึก ฟีลมันเหมือน เราเพิ่งเข้ามาทำงานกันที่นี่ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ? แต่พอมีโปรเจคใหม่มา มันก็เหมือนสนิทกันมาเป็นพันวันก็มีค่ะ หรือ เพื่อนบางคนที่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามมารยาท แต่ไม่เคยสนใจความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจเราเลย
ในโลกอันเจ็บปวดของมีม มีมก็ยังต้องอยู่กับคนในครอบครัวที่ พวกเขารักมีมมาก ๆ แต่ในบางครั้ง พวกเขาก็ไม่เคยหยุดฟัง ความฝัน หรือ ความคิดของมีมเลย และ มันทำให้เราต้องสวมหน้ากากเข้าหากันในบางเรื่องด้วย
มีมต้องแกล้งยิ้ม เพราะมีมรู้ว่า พวกเขารักมีมมาก ๆ
แต่ว่านั้น มันก็ทำให้มีมเคว้งคว้างข้างในมากขึ้นค่ะ ยิ่งต้องซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งรู้สึกแปลกแยกในความสัมพันธ์อันแสนซับซ้อนในครอบครัวของมีมมากขึ้นไปเท่านั้น
แต่มีมขอยืนยันนะคะ ครอบครัวมีมดีมาก รักมีมมาก และ มีมก็รักพวกเขามากเช่นกันจร้า
ถ้าคนเหงาของดาวนี้ มีประสบการณ์ ก็แชร์ให้มีมหน่อยน้าาา ส่วนตัวหลังจากที่มีมได้โทรคุยกับพี่ฮีลแล้ว มีมก็เพิ่งเข้าใจว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะ
พี่ฮีลบอกว่า
'ความเหงา มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เรามีคนอยู่รอบตัวมากแค่ไหน มีคนที่รักเรามากแค่ไหน แต่มันอยู่ที่ว่า หัวใจของเรากับพวกเขา สามารถ "เชื่อมถึง" กันได้อย่างแท้จริงหรือเปล่า'
เพราะความเหงาในหมวดแบบนี้
มันไม่ได้วัดกันที่ 'จำนวน' คนใกล้ตัว
แต่เป็นเรื่อง 'ความลึก' ของความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
พี่ฮีลก็เป็นหนึ่งคนนั้น ที่มีเพื่อนสนิทน้อยมาก มีมนับได้ 2 นิ้วเองค่ะ แต่พี่ฮีลเป็นคนที่มั่นคงและอารมณ์ดีมาก
แม้ว่ากาลเวลาของอวกาศ หรือ มิติของภพภูมิ ทำให้กายหยาบของพี่ฮีลต้องอยู่คนเดียว แต่ไม่สามารถกระทบต่อหัวใจของพี่ฮีลได้ และพี่ฮีลอยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเหงา เหตุเพราะว่า พี่ฮีลมีคนที่เชื่อมใจในความรู้สึกได้ในจักรวาลนี้
"มันไม่รู้สึกอ้างว้าง เพราะเราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยต่อกันและกัน ชีวิตคนเรา ถ้าเรามั่นใจในหัวใจเราได้ว่า เรามีคนหนึ่งในชีวิตจริง ๆ ที่เราสามารถเป็นตัวของเราได้ในทุกมิติ เราจะไม่รู้สึกเหงา และ มันลึกยิ่งกว่าความสัมพันธ์แบบแฟนอีกนะ"
พี่ฮีลบอกมีมว่า จะมีประโยชน์อะไร ถ้าทั้งชีวิตเราได้เปิดใจ จริงใจ เต็มใจ ทุ่มเทใจ ที่จะแชร์ความรู้สึกเรื่องราวในใจ ให้กับคนที่ไม่ใช่ แบบนั้นมันก็เหมือนเรากำลังพูดอยู่คนเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยเสียง เหมือนเราส่งข้อความออกไป แต่ไม่มีใครรับข้อความของเราได้ เหมือนเจ้าวาฬสีน้ำเงิน ที่มีความถี่คลื่น 52MHZ
เคยได้อ่านเรื่องวาฬสีน้ำเงินกันบ้างไหม
เจ้าปลาวาฬตัวนี้ถูกเรียกว่า "ปลาวาฬที่เหงาที่สุดในโลก" เพราะมันร้องเพลงด้วยความถี่ 52 เฮิร์ตซ์ ซึ่งไม่เหมือนปลาวาฬตัวไหนเลย ปกติวาฬจะร้องด้วยคลื่นความถี่ที่ 15-25 เฮิร์ตซ์เพื่อสื่อสารกัน แต่เสียงของเจ้า 52 Hz กลับสูงเกินไป จึงไม่มีวาฬตัวไหนในโลกที่ได้ยินเสียงมัน มันจึงไม่มีฝูง ไม่มีเพื่อน มันต้องอยู่อย่างเดียวดายในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ .. เหตุที่มันต้องอ้างว้างไปตลอดชีวิต ก็เพียงเพราะ มันเกิดมามีคลื่นความถี่ที่ไม่เหมือนตัวอื่น ๆ เท่านั้นเอง
Link Verify คลิกด..งิน
"สายใยแห่งความเข้าใจ" ยาใจของความเหงา
ถ้าความเหงาเกิดจากการใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนที่ "ไม่ใช่" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วอะไร ที่มันจะช่วยเยียวยาใจของพวกเราได้ ?
มีมคิดคำตอบได้ง่าย ๆ จากการนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเอง และ มีมเรียกมันว่า "สายใยแห่งความเข้าใจ"
มีมคิดว่า สายใยนี้ มีมไม่ต้องมีให้กับทุกคนที่เจอในชีวิต แต่ขอแค่มีสักคน หรือ สองคน หรือ สามคนก็ได้ ที่เราสามารถเปิดใจคุยได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะสุข จะทุกข์ จะเล็กหรือใหญ่ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน หรือ ถูกละเลยความรู้สึก
เขาอาจเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจเราไปถึงแก่น เป็นคนในครอบครัวที่เราลืมกันไปเพราะเวลา คนที่ไม่แค่พร้อมจะนั่งฟังและเชียร์ทุกความฝันของคุณแบบไม่ตัดสิน ไม่เสนอแนะ แต่ยังโอบกอดความรู้สึกของคุณ และ อยากเข้ามามีส่วนร่วมด้วยประโยคง่าย ๆ แบบ 'ได้เลย มีอะไรให้ช่วยบอกมาได้เลยนะ'
และอาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ ๆ ดีดี .. จักรวาลก็ใจดี "คลิก" ปุ่มถูกใจให้ จนเหมือนรู้จักกันมานาน
หรือ บางทีอาจเป็นคนที่เพิ่งเจอ แต่กลับรู้สึกเหมือนผูกพันกันได้ในพริบตา เหมือนรู้จักกันมาแล้วสิบจักรวาล
มีมเชื่อว่า การมีใครสักคนที่รับฟังเราด้วยหัวใจ และ เขาเข้าใจและยอมรับเราในแบบที่เราเป็น มันทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้จริง ๆ ค่ะ มีมขอยืนยัน พี่ฮีลก็เป็นหนึ่งคนนั้นของมีมแล้วค่ะ นางคือสายใย ที่มีมมัดไว้ก่อนแล้ว ไม่ให้หายไปไหน 555
แล้วเพื่อน ๆ มีคนที่เป็น "สายใยแห่งความเข้าใจ" ในชีวิตบ้างมั้ย ? อยากชวนมาเล่าให้ฟังในคอมเมนต์นะคะ ว่าเขาคนนั้นทำให้ใจเราอบอุ่นยังไง เล่าให้มีมฟังด้วยน้าา
โอบกอดความจริงซะ แล้วออกไปค้นหา "คนที่ใช่" ด้วยความเข้าใจ
พี่ฮีลได้ช่วยสรุปประเด็นนี้ให้กับมีมอย่างน่าคิดตอนเราคุยกันในประเด็นนี้ไว้ว่า
เมื่อเราเข้าใจและยอมรับความจริงที่ว่า "ถ้าความเหงาในใจนั้นไม่ได้เกิดจากการอยู่เพียงลำพัง แต่กลับเกิดขึ้นเพราะว่า เราอยู่ท่ามกลางผู้คนที่พวกเขาไม่ใช่สายใยแห่งความรักสำหรับเรา .. ก็เอาจิตใจเราออกจากที่แห่งนั้นซะ ถ้าเอากายออกไปไม่ได้"
มีมได้ยินชุดความคิดนี้จากพี่ฮีลครั้งแรก มีมสะดุ้งในความเจ็บปวดของตัวเองทันที "แต่ในความจริงนั้น มันก็มีแสงแห่งความหวังซ่อนอยู่นะครับ" พี่ฮีลบอกมีมแบบนั้น
"เพราะความเข้าใจนี้ไม่ใช่การกล่าวโทษใคร แต่เป็นการเปิดประตูให้เราได้รักและเมตตาตัวเองมากขึ้น ที่จะกล้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหัวใจของเราต่างหาก และ ขณะเดียวกันเราก็ยังคงปฏิบัติดีกับเขาเหมือนเดิมได้" พี่ฮีลให้เหตุผลที่ฟีลดีมาก ๆ กับมีมในครั้งนั้นค่ะ
ดังนั้น แทนที่จะจมอยู่กับความรู้สึกเหงานั้นมากขึ้น จนไปรีบคว้าใครก็ได้เข้ามาเป็น 'เพื่อน' เพียงแค่เพื่อหนีความเดียวดายนั้น ลองเปลี่ยนเป็นการ "โอบกอดหัวใจตัวเอง" ก่อนเป็นอันดับแรก ให้เวลากับการทำความรู้จัก กับ ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองก่อน
จากนั้น ค่อย ๆ "เปิดพื้นที่ในใจ" ช้า ๆ เพื่อมองหาและสร้างสรรค์ "ความสัมพันธ์ที่อุ่นใจที่แท้จริง" เหมือนการบรรจงเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี ค่อย ๆ เพาะปลูกและรดน้ำพรวนดินด้วยความใส่ใจและความเข้าใจ
แน่นอนว่า "ในระหว่างที่เรากำลังสร้างสายใย เราอาจเผชิญกับการร้องไห้ ความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่นั่นก็คุ้มค่าเหลือเกินกับอดทนและรอคอย" - พีฮีล นางย้ำกับมีม ด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่นว่า มีมต้องเจอคน ๆ นั้นในสักวันค่ะ
จุดเริ่มต้น คือ หาคนที่สนใจในทางเดียวกับชุดความคิดของเรา แล้วเข้าไปหาพวกเขา
ลองมองหาคนที่เรา 'ต่าง' ก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ คนที่ความคิด ความเชื่อ หรือ ความสนใจสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่าที่รู้ใจ กลุ่มกิจกรรมที่รัก หรือ แม้แต่ชุมชนออนไลน์ที่แบ่งปันคุณค่าร่วมกัน
การเริ่มต้นใหม่นี้ อาจต้องใช้ความกล้าเล็กน้อย แต่ปลายทางนั้นคุ้มค่าเสมอ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การได้อยู่ท่ามกลาง "คนที่ใช่" กับตัวเรา ที่พร้อมจะรับฟัง เข้าใจ และช่วยกันเติมเต็มพลังบวกให้กันและกันนั้น มัน คือ ของขวัญล้ำค่าของจักรวาล ที่จะทำให้หัวใจเรากลับมาเบ่งบาน สดใส และไม่รู้สึกอ้างว้างอีกต่อไป
"มัน คือ การเดินทางที่เราคู่ควร และ ความสุขนั้นรอเราอยู่เสมอ ขอเพียงเรากล้าที่จะเริ่มต้นด้วยความรักและความเข้าใจต่อตัวเองและผู้อื่นครับ ที่สำคัญ อย่าลืมว่า เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์แห่งดาวเหงา เมื่อได้เจอคนที่ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายสัมพันธ์แบบไหน ในฐานะอะไร เราต้องรักษาเขาไว้ด้วยความรักที่พอดีกับเขาด้วย"
คำพูดของพี่ฮีล สามารถนำมาใช้ปิดจบ สรุปเรื่องราวให้มีมแทนได้เลย
และ ก่อนที่มีมจะลาจากไปในครั้งนี้ มีมอยากถามคุณผู้อ่านว่า 'คนที่ใช่ (ซึ่งไม่ว่า คุณผู้อ่านจะได้เจอเขาแล้วหรือยัง) ของคุณ ๆ พวกเขาเป็นคนแบบไหนค่ะ ช่วยชี้ทางให้มีมด้วยค่าา'
ถ้าสะดวกใจก็แชร์ให้มีมได้อ่านด้วยนะค่ะ และ คุณสามารถเลือกเปิดโหมด 'นิรนาม' เพื่อซ่อนรูปและชื่อของคุณ เพื่อรักษาพื้นที่ปลอดภัยของคุณได้เสมอค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ค้าาาา ...