มิตรภาพข้ามเส้นแบ่งโลก ซันนี่ แบกเป้เกอร์ และ เออร์เนสต์
เออร์เนสต์ Ernest นักศึกษาชาวบุรุนดี ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางความยากจน กับ ซันนี่ คมกริช หรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อเจ้าของช่องยูทูป “แบกเป้เกอร์” นักเดินทางไปทั่วโลกหนุ่มชาวไทย ได้เดินทางมาเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ที่บุรุนดี และ ทั้งสองคนได้พบกันในห้วงกาลเวลาที่จักรวาลกำหนดไว้

ความสัมพันธ์
ผู้เขียน : ฮัก
เผยแพร่ : 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.33 น.
ปรับปรุง : 12 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.48 น.
มิตรภาพข้ามเส้นแบ่งโลก ซันนี่ แบกเป้เกอร์ และ เออร์เนสต์
ในดินแดนแอฟริกาอันไกลโพ้น มีประเทศหนึ่งชื่อว่า บุรุนดี ประเทศที่ถูกขนานนามว่า “ประเทศที่จนที่สุดในโลก” ผู้คนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก รายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ถึงห้าร้อยบาท ไฟฟ้าไม่ทั่วถึง น้ำสะอาดก็หาได้ยาก
ในท่ามกลางความยากจนนี้เอง ซันนี่ คมกริช หรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อเจ้าของช่องยูทูป “แบกเป้เกอร์” นักเดินทางไปทั่วโลกหนุ่มชาวไทย ได้เดินทางมาเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ที่บุรุนดี
ซันนี่เลือกพักในโรงแรมราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเพียงคืนละ 51 บาท แต่สภาพแวดล้อมกลับทำให้เขารู้สึกว่านี่อาจเป็น “ห้องพักที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต” ไม่มีหมอน ไม่มีไฟฟ้าในห้องน้ำ มียุงรุมกัด และส้วมเอียงเหมือนจะพัง แต่ซันนี่บอกว่า สำหรับบางคนที่นี่ นี่คือที่พักที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถจ่ายได้
เพื่อให้เห็นภาพชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในอีกวันซันนี่พาผู้ชมไปนอนในโรงแรม 5 ดาว ในเมืองหลวงบูจุมบูรา คืนละ 4,400 บาท ห้องสะอาด แอร์เย็นฉ่ำ วิวทะเลสาบสวยงาม ราวกับคนละโลก
“ผมอยากให้พวกคุณเห็นสองโลกนี้… เพราะบางครั้ง ความเหลื่อมล้ำมันเกิดขึ้นในประเทศเดียวกัน” - ซันนี่พูดไว้ในคลิปยูทูปของเขา
ขณะที่ซันนี่ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยบุรุนดี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ซันนี่ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อว่า เออร์เนสต์ (Ernest) อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาที่พยายามเต็มที่เพื่อโอกาสในชีวิต
เออร์เนสต์ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเก่งนัก แต่เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่น และแววตาที่แสดงถึงความหวัง แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนมาก
ซันนี่ขอให้เออร์เนสต์พาไปเยี่ยมบ้านของเขาในชนบท ระหว่างทาง ทั้งคู่ได้พูดคุยกันมากขึ้น เขาได้รู้ว่าครอบครัวของเออร์เนสต์มีสมาชิกถึง 10 คน อาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากดิน รายได้หลักมาจากงานเกษตรกรรม ไม่มีน้ำประปา และไฟฟ้าก็ไม่แน่นอน
“เออเนสต์อายุเท่าผม แต่ชีวิตเราสองคนต่างกันราวฟ้ากับดิน…” เสียงกระซิบบอกกับคนดูช่อง ที่แม้จะรู้ว่า เออร์เนสต์จะไม่เข้าใจ แต่ความรู้สึกในใจของซันนี่ก็บอกกับเขาว่า เขาไม่ควรพูดออกมาดัง ๆ
ในอีกวันของการเที่ยวที่นี่ ซันนี่พาเออร์เนสต์ไปกินอาหารกลางวันที่โรงแรม 5 ดาว แล้วถามเออร์เนสต์เบา ๆ ว่า
“ไอศครีมเป็นยังไงบ้าง”
คำตอบของเออร์เนสต์ทำให้ซันนี่รู้สึกปวดใจ แทนที่เออรเนสต์จะตอบว่า ไอศครีมนั้นอร่อยหรือไม่ แต่เขากลับตอบว่า “ผมไม่เคยกินไอศครีมเลยครับ ผมไม่รู้จักรสชาติซอสมะเขือเทศด้วย…”
คำตอบซื่อ ๆ ของเออร์เนสต์กลายเป็นจุดเปลี่ยนในใจของซันนี่ “ทำไมคน ๆ หนึ่งต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ทำไมโอกาสในการใช้ชีวิตที่ดี มันไม่เท่ากันเลย”
ในใจลึก ๆ ตอนนั้นของผมก็คิดว่า น้องซันนี่ก็รู้แล้วหละว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเออร์เนสต์
ภาพประกอบจากคลิปช่องยูทูป แบกเป้เกอร์
หลังจากนั้น เออร์เนสต์ยินดีที่จะพาซันนี่ไปเที่ยวที่บ้านของเขา การเดินทางไปบ้านเออร์เนสต์ในชนบทนั้นยากลำบากมาก ถนนเป็นดินแดง ฝุ่นตลบ รถโดยสารแออัดและขับเร็วเกินไป หลายครั้งต้องเปลี่ยนรถหลายรอบ จนเหนื่อยล้าทั้งทางกายและใจ
แต่สิ่งที่ซันนี่เห็นในหมู่บ้าน คือ ชีวิตที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความจริงใจของผู้คน พวกเขาไม่มีเงินมากมาย แต่มีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ และความเป็นมิตรที่ไม่ต้องแลกกับสิ่งใด
“บางครั้ง ความสุขมันไม่ต้องใช้เงินเลยนะ…”
ซันนี่พูดให้แง่คิดในคลิประหว่างที่มีเด็ก ๆ วิ่งรายล้อมเขา
ภาพประกอบจากคลิปช่องยูทูป แบกเป้เกอร์
จากการเดินทางครั้งนี้ ซันนี่ได้เรียนรู้หลายอย่าง
- ความเหลื่อมล้ำในสังคมมันมีอยู่จริง และบางครั้งมันโหดร้ายเกินกว่าจะมองข้าม
- การศึกษาเป็นอาวุธสำคัญที่จะพาเด็กคนหนึ่งออกจากความยากจน
- ความเมตตา ไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แค่คุณสนใจและลงมือทำ เท่าที่คุณมีกำลัง
- ความเป็นมนุษย์ ไม่ได้วัดจากเชื้อชาติ ศาสนา หรือภาษา แต่วัดจากความจริงใจและการกระทำ
“การเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องพูดภาษาเดียวกันเสมอไป แค่หัวใจเราตรงกัน ก็เพียงพอ”
ซันนี่พูดถึงความรู้สึกในท้ายที่สุดหลังจากแยกกับเออร์เนสต์ในท้ายคลิป
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
สิ่งที่น่าประทับอย่างที่สุดสำหรับผม คือ ซันนี่ได้ทำสิ่งที่ผู้ชมเองหลายล้านคนก็คงจะค้างคาใจว่า แล้วจะเอายังไงต่อกับเออร์เนสต์ และ แน่นอนว่า ซันนี่ถึงกับมีอาการซึมเศร้า หลังจากได้เห็นชีวิตของเออร์เนสต์ และ มโนธรรมที่อยู่ในหัวใจของเขา ก็เรียกร้องให้เขาตัดสินใจทำสิ่งที่ มนุษย์คนหนึ่งสมควรจะทำให้แก่กันและกัน
“ผมตัดสินใจจะช่วยค่าเล่าเรียนและค่ากินอยู่ของเออร์เนสต์ จนกว่าเขาจะจบปริญญาตรี เพราะเชื่อว่า การศึกษาคือประตูสู่อนาคตที่ดีกว่า"
“ผมไม่รู้ว่าเขาจะสำเร็จการศึกษาแล้วจะไปไหน แต่ผมแค่อยากให้เขามีโอกาส แบบที่ชีวิตคนหนึ่งคน สมควรได้รับ”
เออร์เนสต์รับปากซันนี่ ด้วยน้ำตาแห่งความขอบคุณ ในสายตานั้นของเออร์เนสต์ ไม่มีคำพูดใดเลยของมนุษย์ที่จะอธิบายความรู้สึกที่ท่วมท้นนั้นของเออร์เนสต์ได้ แต่เออเนสต์ก็พยายามตอบซันนี่ให้ได้ดีที่สุดว่า
“ขอบคุณครับ ผมจะตั้งใจเรียนให้จบ และจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เออร์เนสต์ตอบจากหัวใจของเขาได้เพียงเท่านี้
และผมเชื่อมั่นว่า ไม่มีคำสัญญาใดจะแข็งแรงไปกว่าคำพูดของคนที่จริงใจแบบเออร์เนสต์อีกแล้ว
ซันนี่และเออร์เนสต์อาจมาจากคนละฟากของโลก แต่การพบกันครั้งหนึ่ง ในหนึ่งครั้งของห้วงชีวิต กลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสองคน
ซันนี่ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และ เออร์เนสต์ได้รับโอกาสอันล้ำค่าที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
“บางครั้ง ความเมตตาของคุณ อาจเป็นแสงสว่างของใครสักคน… ที่กำลังหลงทาง จงมีความเมตตาต่อผู้คนเสมอ” เพราะความเมตตา คือ สิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ และ การตอบแทนที่ดีที่สุดของผู้ที่ได้รับนั้น คือ ความซื่อสัตย์ และ ส่งต่อความเมตตาที่ได้รับนั้นให้กับผู้อื่นต่อไป
อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ (พระคัมภีร์ไบเบิล กาลาเทีย บทที่ 9: 6-10)
ภาพประกอบจากคลิปช่องยูทูป แบกเป้เกอร์
มีผู้คนมากมายที่ได้ส่งต่อเรื่องราวของเออร์เนสต์ และ อีกมากมายที่ได้เข้ามาช่วยเออร์เนสต์ผ่านช่องยูทูปของซันนี่ และ ฮักทูฮีลก็ขอเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ดีนี้ ด้วยการบันทึกและส่งต่อต่อเรื่องราวนี้ให้กับคุณผู้อ่านของเราทุกคนครับ
ดูคลิปยูทูปเต็มของซันนี้และเออร์เนสต์มิตรภาพข้ามขอบโลกได้ที่นี่ครับ
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
ดูคลิปอัพเดทหลังจากผ่านไป 1 ปี
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
และ ท่านที่ชอบติดตามทางเฟสบุค ก็ติดตามคุณซันนี่ได้ที่ เพจเฟสบุค Backpaeger แบกเป้เกอร์
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
และตอนนี้ Ernest ก็มีช่องยูทูปของเขาแล้วนะครับ มีพี่น้องคนไทยไปติดตามและคุยกับ Ernest มากมายทางช่องความเห็นของแต่ละคลิปครับ รอยยิ้มและดวงตาของ Ernest นี่ช่างเป็นเหมือนแสงสว่างจริง ๆ ครับ
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
เกร็ดความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับประเทศบุรุนดี
🏠 เมืองหลวงจูบู (Bujagali):
สองโลกในหนึ่งเมืองเมื่อเดินทางไปยังบุรุนดี ประเทศแอฟริกาใต้ ที่ถูกขนานนามว่า “ประเทศที่จนที่สุดในโลก” คุณจะพบว่า ความแตกต่างระหว่างคนรวยและคนจนไม่ได้แค่ตัวเลข แต่มันอยู่ตรงหน้าคุณอย่างชัดเจน
💰 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
คนทั่วไปในจูบู มีรายได้เพียง 100,000 บุรุนดีฟรังค์/เดือน หรือประมาณ 490 บาทไทย เท่านั้น!
ลองคิดดูว่า 490 บาทไทย จะสามารถทำอะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน? คำตอบคือ "แทบจะไม่ได้อะไรเลย" เพราะค่าครองชีพในบุรุนดีไม่ได้ถูกขนาดนั้น
ไฟฟ้า:
มีเพียง 7% ของประชากรทั้งประเทศที่สามารถเข้าถึงไฟฟ้าได้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองจูบู เมื่อออกจากเมือง คุณจะพบว่าหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังคงใช้แสงเทียนหรือตะเกียงน้ำมัน
น้ำ:
การเข้าถึงน้ำประปาเป็นเรื่องไกลตัว ประชาชนต้องพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น บ่อน้ำสาธารณะ หรือแม้กระทั่งต้องตักน้ำจากถังที่ต้องเติมเอง
🚗 การเดินทางที่ท้าทาย
ถนนในชนบทส่วนใหญ่เป็นดินแดง ฝุ่นตลบ รถโดยสารมักแออัดและขับเร็วเกินไป บางครั้งต้องเปลี่ยนรถหลายต่อ เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกล
🎓 การศึกษาที่จำกัด
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในบุรุนดีคือ University of Burundi ซึ่งเปิดสอนมาตั้งแต่ปี 1961 แต่โอกาสในการเข้าเรียนของเด็ก ๆ นั้นน้อยมาก เพียง 1% ของเด็กที่มีสิทธิ์เข้ามหาวิทยาลัยเลือกเรียนต่อ เด็กอายุ 7-16 ปี เพียง 10% เท่านั้นที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้
🏠 วิถีชีวิตในชนบท
บ้านเรือนสร้างจากดิน ชาวบ้านพึ่งพาตนเองและธรรมชาติ หลายคนเลี้ยงสัตว์ เช่น หมู แพะ หรือไก่ เพื่อเป็นอาหารและรายได้เสริม
อาหารท้องถิ่นราคาถูกมาก เช่น ข้าวกับถั่ว แค่ 2,000 บุรุนดีฟรังค์ (ประมาณ 10 บาทไทย) แต่บางคนยังไม่เคยลองอาหารบางประเภท เช่น พิซซ่า ไอศกรีม หรือ ซอสมะเขือเทศ
ขอให้ความรักและความเมตตา สถิตย์อยู่กับทุกท่านครับ
ฮัก