Logo Head hugtoheal.com

Ai ในมุมที่แตกต่าง เพื่อนแท้ หรือ แค่ความวิปริตในยุคสุดท้าย

การใช้ AI กับสุขภาพจิต อย่าใช้ AI แค่ให้มันมายืนยันความรู้สึกตัวเอง เพราะจะหนีปัญหาจริง และอาจแย่ลงในระยะยาว

ความทุกข์จากโรคจิตเวช ความโดดเดี่ยว ความเหงา ไม่มีเพื่อน ไม่เข้าสังคม introvert เดียวดาย ปัญหาชีวิต
Ai ในมุมที่แตกต่าง เพื่อนแท้ หรือ แค่ความวิปริตในยุคสุดท้าย
ตัวตนและความหมาย

ผู้เขียน : ฮัก

เผยแพร่ : 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.59 น.

ปรับปรุง : 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.41 น.

แชร์ให้เพื่อน

ผมเห็นโพสต์หนึ่งในเฟสบุค ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะและเปิดเผย และเป็นประเด็นที่น่าสนใจในโลกยุคใหม่ที่มีการใช้ Ai มากขึ้น

ฟังเป็นเสียงแทน

Link Verify youtu.be/H9xUPtjN1K0...

 

เรื่องนี้มันเริ่มมาจากคุณ Off Chanchana Sornsoontorn ที่ออกมาแชร์ความกังวลในกลุ่ม Facebook "ชุมชนแชทจีพีไทย" ครับ ว่าเดี๋ยวนี้คนใช้ AI เพื่อให้มันมายืนยันความคิดความรู้สึกของตัวเองเฉยๆ ซึ่งคุณ Off มองว่ามันเป็น "ความวิปริต" และอาจจะแย่ต่อสุขภาพจิต โดยเฉพาะคนที่มีภาวะซึมเศร้า

แต่ก็มีคนเห็นต่างนะ อย่างคุณ Narinphat Liamprawat กับคุณ Pakin Thanasarakit ก็มองเรื่องสิทธิส่วนบุคคลในการเลือกใช้ชีวิตและวิธีพัฒนาตัวเอง ส่วนคุณ Khacharaj Waree ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเรื่องความต่างระหว่างภาวะซึมเศร้ากับโรคซึมเศร้า และการรักษาทางการแพทย์

ทีนี้มาดูประเด็นย่อยๆ ที่เขาคุยกันครับ:

 

ประเด็นย่อยที่ 1: AI ใช้เพื่อ "เห็นด้วยกับฉัน" หรือ "ช่วยฉันมองตัวเอง"?

  • คุณ Off (ผู้เริ่มโพสต์): เป็นห่วงว่าคนจะใช้ AI แค่ให้มันมา "อวย" หรือเห็นด้วยกับเรา โดยเฉพาะเวลาที่คิดลบๆ เหมือนเป็นการเสพติด "ยาเอนโดรฟิน" ชั่วครั้งชั่วคราว เขาอยากให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือ "ช่วยส่องกระจกให้ตัวเอง" ถาม AI ว่า "จริงๆ ฉันรู้สึกยังไง? มีอะไรที่ฉันมองข้ามไปในความคิดตัวเองบ้าง?" ไม่ใช่แค่ "AI จ๋า เห็นด้วยกับฉันไหมว่าฉันมันแย่" หรือ "AI จ๋า ชมฉันหน่อย"
  • คุณ Off อ้างถึง Carl Jung ด้วยว่า การจะ "ตื่นรู้" ได้ มันไม่ใช่แค่ฝันถึงแสงสว่าง แต่ต้องกล้าเผชิญหน้ากับ "ด้านมืดในใจ" หรือ "Shadow" ของตัวเอง ถึงจะเติบโตและหลุดจากภาวะซึมเศร้าได้

 

ประเด็นย่อยที่ 2: สิทธิส่วนบุคคล vs. การพัฒนาปัญญา

  • คุณ Narinphat Liamprawat: ออกมาเบรกว่า "เฮ้ย! มันเป็นสิทธิของแต่ละคนนะที่จะเลือกใช้ชีวิตยังไงก็ได้" คนมีปัญญาก็จะไม่ไปก้าวก่ายคนอื่น การพัฒนาตัวเองมันเป็นเรื่องส่วนตัวสุดๆ ปล่อยให้เขาเลือกทางของเขาเถอะ
  • คุณ Pakin Thanasarakit: ก็แย้งคุณ Narinphat ว่า การไม่ยอมรับเหตุผลคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องปัญญาอย่างเดียว แต่เป็นเรื่อง "มารยาทและความเหมาะสม" ด้วยซ้ำ การพัฒนาปัญญาจริงๆ มันต้องมาจากการ "ตั้งคำถาม แลกเปลี่ยน ถกเถียง เรียนรู้" จากหลายๆ มุมมอง ไม่ใช่ปิดกั้น

 

ประเด็นย่อยที่ 3: "ภาวะซึมเศร้า" กับ "โรคซึมเศร้า" และบทบาทหมอกับยา

  • คุณ Khacharaj Waree: ให้ข้อมูลสำคัญมาก คือต้องแยกให้ออกระหว่าง "โรคซึมเศร้า" ที่เกิดจากสารเคมีในสมองไม่สมดุล อันนี้ต้องให้หมอวินิจฉัยและรักษาด้วยยาเป็นหลัก กับ "ภาวะซึมเศร้า" ที่อาจจะมาจากเรื่องเครียดๆ ในชีวิต เช่น ไม่ได้รับการยอมรับ ปัญหาครอบครัว อันนี้ปรึกษานักจิตวิทยาได้
  • คุณ Khacharaj ย้ำว่าหมอเท่านั้นที่วินิจฉัยได้ และถ้าเป็นโรคทางจิตเวชจริงๆ "ยาคือจำเป็น" เหมือนคนเป็นโรคกระเพาะก็ต้องกินยาลดกรด (ถ้าเป็นหนักๆ ถึงขั้น "ดิ่ง" เขาบอกว่า "สิ่งที่ช่วยได้อย่างเดียวคือยา ยาเม็ดเดียวจริง ๆ")
  • และยังเตือนด้วยว่า AI อาจช่วยคนเครียดๆ ที่ยังไม่เป็นโรคได้ แต่ถ้าใช้จน "ติด" การได้รับการปลอบประโลมจาก AI (เพราะมันหลั่งโดพามีน) ก็อาจจะทำให้หนีปัญหาจริงในชีวิตไปเลย
  • คุณ Off (ผู้เริ่มโพสต์): ก็ยังสงสัยว่าโรคซึมเศร้ามันเกิดจากสารเคมีในสมองอย่างเดียวจริงเหรอ? เขากลัวว่าความคิดแบบนี้จะทำให้คนป่วยรู้สึกเหมือนเป็น "เหยื่อ" โดยไม่คิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง คุณ Off ยืนยันว่าการ "มองลึกเข้าไปในใจตัวเอง" (self-reflection) และแก้ปมขัดแย้งในใจมันสำคัญมาก และควรลองวิธีอื่นๆ ดูก่อนจะพึ่งยาอย่างเดียว โดยอ้างถึงหลักจิตวิทยาของ Jung อีกครั้ง และยังพูดทำนองว่า "อย่าเพิ่งหาข้ออ้าง หาทางรักษาดีกว่า ลองให้หมดเท่าที่ทำได้"

 

สรุปส่งท้ายและข้อคิดจากเรื่องนี้:

การใช้ AI กับสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ยังต้องคุยกันอีกเยอะ มีหลายมุมมองมากๆ ครับ มีทั้งฝั่งที่เตือนว่าอย่าใช้ AI แค่ให้มันมายืนยันความรู้สึกตัวเอง เพราะจะหนีปัญหาจริง และอาจแย่ลงในระยะยาว กับ อีกฝั่งที่มองว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคล และให้ความสำคัญกับการรักษาทางการแพทย์สำหรับโรคจริงๆ

สิ่งที่ชัดเจน คือ เราต้องเข้าใจความต่างระหว่างอารมณ์เศร้าทั่วไปกับโรคซึมเศร้าจริงๆ และต้องคิดให้รอบคอบว่าจะใช้ AI ยังไงไม่ให้เกิดโทษ ประเด็นสำคัญคือการหา "ต้นตอ" ของปัญหาจริงๆ ไม่ใช่แค่หาอะไรมา "กลบ" อาการชั่วคราว และต้องดูว่าวิธีไหนที่เหมาะกับใคร ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับตัวเองมากๆ (self-reflection) หรือ การใช้ยาตามที่หมอแนะนำ

 

ลิงค์เพื่ออ่านโพสต์ต้นเรื่องครับ

Link Verify faceb.....

 

 

กล่องที่ 1
เก็บไว้ในคลัง 0
ยังไม่มีคอมเมนต์
เฉพาะสมาชิก กรุณาเข้าระบบสมาชิก คลิกที่นี่