S-ERUM อาหารผิววิตามินซีเออีเข้มข้น
โพรไฟล์ ไลน์ 0
× ปิด

9999

ความเจ็บป่วย มี 2 บทความในหมวดหมู่นี้

เผยแพร่ :

ปรับปรุง :

แชร์ให้เพื่อน
9999

เสียงที่กลืนเราไว้: บทบันทึกว่าด้วยความเกรงใจที่สูญหาย

(บทวิเคราะห์ว่าด้วย: มลภาวะทางเสียง (Noise Pollution), ความเกรงใจ (Consideration), ทฤษฎีหน้าต่างแตก (Broken Windows Theory), และการผุกร่อนของสังคม (Civic Erosion))

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพดูว่า ในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง เสียงหัวเราะดังทะลุหูฟัง เสียงช้อนกระทบแก้ว น้ำแข็งชนกัน เหมือนสัญญาณที่คอยเตือนว่า ความเงียบกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยในสังคมไทยไปแล้ว

ครั้งหนึ่ง “เกรงใจ” เคยเป็นระบบประสาทของความสัมพันธ์ เป็นกลไกป้องกันความปั่นป่วนของเสียง แต่วันนี้ มันเหมือนระบบที่โดนปิดการทำงาน ไม่ใช่ด้วยความเกรงใจ แต่ด้วยความชินชา

มลภาวะทางเสียง (Noise Pollution): "สมาธิชีวิต" ที่ถูกกัดเซาะอย่างเงียบเชียบ

ผมอยากให้คุณลองหยุดชั่วครู่ แล้วถามตัวเองดูว่า เสียงรบกวนเหล่านี้กำลังกัดเซาะอะไรในใจคุณบ้าง องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดให้ เสียงรบกวน (Noise Pollution) เป็นหนึ่งในปัจจัยมลภาวะที่กระทบสุขภาพจิตมากที่สุดรองจากอากาศเสีย เพราะเสียงไม่แค่ทำลายโสตประสาท แต่มันกัดเซาะ “สมาธิของการมีชีวิต” อย่างเงียบๆ

ในร้านกาแฟที่เปิดเพลงดังกว่าความคิดของเรา เสียงนั้นไม่ได้เพียงแค่รบกวน มันทำให้เราหยุดฟังตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

ทฤษฎีหน้าต่างแตก (Broken Windows Theory) คืออะไร? และมันเกี่ยวกับ "เสียง" อย่างไร?

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพดูว่า ถ้าปล่อยให้หน้าต่างแตกหนึ่งบานไม่ซ่อม เดี๋ยวทั้งตึกก็พังนั่นคือสิ่งที่ Wilson และ Kelling (1982) เสนอในทฤษฎีนี้ ทฤษฎีนี้ใช้กับเสียงได้เช่นกัน เมื่อเสียงดังเกินไป แต่ไม่มีใครเตือน ความเกรงใจหนึ่งบานก็แตกลง และเมื่อไม่มีใครยอมเป็นคนซ่อม บานอื่นๆ ก็แตกตาม

ในที่สุด เราเดินอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยเสียงกระจกแตก แต่ไม่มีใครได้ยิน เพราะทุกคนใส่หูฟัง

Wilson & Kelling (1982), Broken Windows Theory

Normalization of Deviance: กลไกที่ทำให้ "เรื่องผิด" กลายเป็น "เรื่องปกติ"

ผมอยากให้คุณลองถามตัวเองดูว่า เราเคยชินกับเรื่องผิดปกติแบบไหนบ้าง นักจิตวิทยา Diane Vaughan เคยใช้คำว่า Normalization of Deviance (การทำให้เรื่องผิดปกติกลายเป็นปกติ) อธิบายเหตุการณ์ที่พฤติกรรมผิดเล็กน้อย ถูกยอมรับซ้ำๆ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความปกติ

เสียงที่ดังในที่สาธารณะก็เป็นเช่นนั้น จาก “ขอโทษครับเสียงดังไปไหม” กลายเป็น “ก็คนอื่นเขาก็ทำกัน” และในความเงียบของการไม่กล้าพูด เราก็ร่วมมือกันปั้นสังคมที่เต็มไปด้วยเสียง โดยไม่รู้ตัว

Empathy Gap: ช่องว่างทางความรู้สึก เมื่อเรา "หยุดฟัง" กัน

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพดูว่า เรามีสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อได้ทั่วโลก แต่เราเริ่มขาดความสามารถในการรับรู้คนตรงหน้าช่องว่างของความเห็นอกเห็นใจ (Empathy Gap) กว้างขึ้นทุกวัน

เสียงดังจึงไม่ใช่แค่ปัญหาของระดับเดซิเบล แต่คือสัญญาณของ การไม่ฟังกัน ในระดับจิตวิญญาณ เรากลัวความเงียบเพราะมันบังคับให้เรารับรู้คนอื่นจริงๆ และนั่นอาจเป็นสิ่งที่เราไม่พร้อมทำ

Civic Erosion: การผุกร่อนของสังคม ที่เริ่มจากการ "ไม่ใส่ใจ"

ผมอยากให้คุณลองหยุดชั่วครู่ แล้วถามตัวเองดูว่า ความเกรงใจไม่ได้ตายจากการทะเลาะ แต่มันสึกจากการไม่ใส่ใจ ในสังคมที่ความเกรงใจกลายเป็นสิ่งล้าสมัย เราเริ่มเห็นสิ่งเล็กๆ เสื่อมสลาย จากเสียงโทรศัพท์กลางโรงหนัง ถึงคนตะโกนคุยในรถไฟฟ้า

นี่คือ Civic Erosion (การผุกร่อนของความเป็นพลเมือง) ที่ไม่เกิดจากกฎหมาย แต่เกิดจากการละเลยร่วมกัน

Cognitive Overload: ภาวะสมองล้า ผลกระทบจาก "ความเกรงใจ" ที่หายไป

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพดูว่า สมองของเราถูกออกแบบให้ประมวลเสียงได้จำกัด เมื่อเสียงรอบข้างท่วมเกินระดับ สมองเข้าสู่ภาวะ Cognitive Overload (การประมวลผลเกินพิกัด) เราเหนื่อยโดยไม่รู้สาเหตุ อารมณ์แปรปรวนโดยไม่มีต้นเหตุที่ชัดเจน

นั่นแหละ คือเสียงสะท้อนของความเกรงใจที่หายไป เสียงที่ทำให้จิตใจเราไม่เคยได้พัก

ทางออก: 3 วิธี "สั่งยาทางใจ" เพื่อฟื้นฟูความเงียบในจิตใจ

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพดูว่า ในฐานะคนที่เคยรู้สึกอึดอัดจากเสียงเหล่านี้ ผมไม่ใช่หมอ แต่ผมอยากแบ่งปัน “ยา” จากใจคือ “ความเงียบ” ให้คุณหนึ่งโดสต่อวัน:

  1. เงียบเพื่อฟังใจตัวเอง: หาเวลาสั้นๆ ในแต่ละวันที่จะอยู่กับความเงียบ เพื่อฟังเสียงความคิดและความต้องการที่แท้จริงของคุณ
  2. เงียบเพื่อให้พื้นที่กับคนอื่น: ในการสนทนา ลอง "ฟัง" มากกว่า "พูด" เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ความสัมพันธ์ได้หายใจ
  3. เงียบเพื่อจำได้ว่าเรายังอยู่ร่วมโลกเดียวกัน: ตระหนักว่าความเงียบของคุณ คือการมอบความสงบสุขให้แก่ส่วนรวม

เพราะ เงียบไม่ใช่การถอยหนี แต่คือการพักฟื้นของความสัมพันธ์ในระดับจิตวิญญาณ

บทสรุป: ซ่อม "หน้าต่างที่แตก" ด้วยการ "ฟัง" เสียงของความเงียบ

ผมอยากให้คุณลองหยุดชั่วครู่ แล้วถามตัวเองดูว่า เสียงหัวเราะ เสียงแก้วกระทบโต๊ะ เสียงคุยโทรศัพท์ มันคือดนตรีของชีวิต แต่ถ้ามันดังเกินไปจนเรามองไม่เห็นคนข้างๆ นั่นคือเสียงของ “ความเกรงใจที่สูญหาย”

เราจะซ่อมหน้าต่างที่แตกได้ก็ต่อเมื่อเรายอมฟังเสียงที่ไม่มีใครพูดถึง เสียงของความเงียบ

บทวิเคราะห์นี้อ้างอิงแนวคิดจาก: องค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับ Noise Pollution, ทฤษฎี Broken Windows (Wilson & Kelling, 1982), และแนวคิด Normalization of Deviance (Diane Vaughan)

S-ERUM สบู่เซรัมเขากวาง สารสกัดธรรมชาติเพื่อเผยผิวใสตั้งแต่ล้างหน้า ราคา 65 บาท ฿490.00 - ฿590.00
S-ERUM สบู่เซรัมเขากวาง สารสกัดธรรมชาติเพื่อเผยผิวใสตั้งแต่ล้างหน้า ราคา 65 บาท ฿490.00 - ฿590.00
S-ERUM สบู่เซรัมเขากวาง สารสกัดธรรมชาติเพื่อเผยผิวใสตั้งแต่ล้างหน้า ราคา 65 บาท ฿490.00 - ฿590.00
S-ERUM สบู่เซรัมเขากวาง สารสกัดธรรมชาติเพื่อเผยผิวใสตั้งแต่ล้างหน้า ราคา 65 บาท ฿490.00 - ฿590.00
ยังไม่มีคอมเมนต์
แสดงความเห็นเฉพาะสมาชิก คลิกที่นี่เพื่อเข้าระบบ
เข้าระบบสมาชิกเพื่อร่วมสนุกตอบคำถามสะสมคะแนนกับฮักทูฮีล
เวลาในการอ่าน
00:00
"ชีวิตอันแสนสั้น เรากำลังทำสิ่งใด"
Foot Image
ทางลัด