คำถามจากกบตัวน้อย ชีวิตเราสั้นแค่ไหนเมื่อเทียบกับจักรวาล

ช่วงบ่าย ๆ ในขณะที่ผมกำลังเขียนโค้ด hugtoheal พร้อม ๆ กับเปิดฟังเพลงจาก youtube music ที่จะสุ่มเปิดเพลงให้ผมฟัง แล้วก็มีท่วงทำนองของบทเพลง ๆ หนึ่งที่อ้อยอิ่ง เริ่มต้นด้วยเสียงทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ และในวลีท่อนหนึ่งนั้น ก็ได้เอื้อนเอ่ยคุยกับผมว่า
ฉันหยั่งความคิด ลงในห้วงตรึกตรอง สิ่งที่เผลอเป็นเจ้าของมากมายสักเพียงไหน สิ่งที่ผู้สรรสร้าง ต้องการมอบให้ แต่เราผู้ใช้ ต้องการครอบครอง
ใจความของประโยคนี้ พร้อมกับเสียงนั้น .. ก็ทำให้ผมต้องหยุดนิ้วที่กำลังร่ายโค้ดบนหน้าจอ ผมละสายตาจากบรรทัดโค้ดอันยุ่งเหยิง แล้วค่อย ๆ เอนหลังลงพนักอิงไม้เก่า ๆ หันออกไปมองนอกหน้าต่าง แล้วก็ทอดสายตามองไปยังริ้วเมฆสีขาว ตัดผืนฟ้าสีครามที่เรียงตัวกัน .. ราวกับว่า พวกมันบอกให้ผมหยุดพักก่อนจากความคิดอันยุ่งเหยิงในหัวของผม
.
.
.
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นสีคราม มีลมทะเลพัดมาเอื่อย ๆ มีเสียงคลื่นกระทบได้ยินมาแต่ไกล ลุงชู .. ชายชราผู้ใช้ชีวิตมาเกือบศตวรรษ นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่า ๆ หน้าบ้านริมชายหาด ลุงชูเห็นโลกมามากมายตั้งแต่ยุคที่บ้านเมืองยังเงียบสงบ จนถึงตอนนี้ที่ชายหาดเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงอึกทึก
ลุงชูกำลังเขียนจดหมาย แต่ไม่ใช่จดหมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง มันเป็นจดหมายถึง "ห้วงเวลา" ที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่
"ถึงห้วงเวลาที่รักยิ่ง
ข้าพเจ้า ชู ผู้เดินทางมาเกือบจะสุดทางแล้ว ขอเขียนบอกเล่าเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้พบเจอ ตลอดชีวิตอันแสนสั้นนี้ ข้าพเจ้าเคยวิ่งไล่ตามความฝันมากมาย เคยหัวเราะเสียงดังลั่นกับเพื่อนฝูง เคยร้องไห้เสียใจอย่างหนัก และ เคยแบกรับภาระที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งเกินกำลัง"
ลุงชูหยุดพัก ถอนหายใจแล้วมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ เขานึกถึงช่วงเวลาที่เคยคิดว่าปัญหาต่าง ๆ ช่างยิ่งใหญ่นัก เหมือนภูเขาที่ขวางทางอยู่ แต่ตอนนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป ปัญหาเหล่านั้นก็ดูเล็กลงไปถนัดตา เหมือนเพียงก้อนกรวดเล็ก ๆ ที่ตกหล่นอยู่ระหว่างทาง
"ในวัยเยาว์ ข้าพเจ้ามักคิดว่าเวลาเดินช้าเหลือเกิน อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็ว ๆ อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะได้ทำอะไรตามใจ แต่เมื่อเติบโตขึ้น เวลากลับรวดเร็วเสียจนน่าตกใจ เป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลเชี่ยว พัดพาข้าพเจ้าและทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยมี และ เคยยึดมั่นให้ลอยหายไป"
เขาคิดถึงความสุขที่เคยไขว่คว้า ทรัพย์สินที่เคยสะสม ผู้คนที่เคยรักและจากไปในที่สุด ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ แล้วก็เลือนหายไปกับกาลเวลาของโลก
"บัดนี้เมื่อใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด ข้าพเจ้าเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ครอบครอง หรือ สิ่งที่ข้าพเจ้าได้สร้างสรรค์ขึ้น แต่คือ 'การได้ใช้ชีวิต' อย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลา แม้จะสั้นนักก็ตาม"
ลุงชูมองไปยังดวงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำ แสงสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำทะเลระยิบระยับ เขาเขียนประโยคสุดท้ายลงในจดหมาย
"ข้าพเจ้าไม่ได้กำลังจะจากไปไหน แต่แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าจะยังคงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ อยู่ในห้วงเวลาอันเป็นนิรันดร์นี้เอง ข้าพเจ้าอยู่ในสายลมที่พัดผ่าน ในแสงแดดที่อบอุ่น ในเสียงคลื่นทะลที่ยังคงซัดสาด และอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ยังคงอยู่บนโลกใบนี้"
ลุงชูพับกระดาษแผ่นนั้นอย่างเบามือ ยิ้มออกมาด้วยใจที่เป็นสุข ความสงบก็เข้ามาแทนที่ความกังวลทุกอย่าง เขารู้แล้วว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่ถ้าหากเราใช้มันอย่างเข้าใจและยอมรับในความจริงแท้ของธรรมชาติ เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของห้วงเวลาอันยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์
.
.
ในห้วงของกาลเวลาเดียวกัน มีกบตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ริมบึงเล็ก ๆ กบตัวน้อยนั้นช่างเต็มไปด้วยความสงสัย มันแหงนมองท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ และ นั่งฟังเสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้อยู่ทุกคืนวัน และ รำพึงกับตัวเองว่า "ท้องฟ้าข้างบนนี้จะกว้างใหญ่เพียงใดนะ" มันคิดในใจ "และเหนือกว่าก้อนเมฆพวกนั้น มีอะไรอยู่?"
กบตัวน้อยนี้ไม่เคยออกไปไหนไกลจากบึงของมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง มันได้ยินเสียงคำรามก้องดังมาจากที่ไกลแสนไกล "นั่นเสียงอะไร" มันแหงนคอถามเจ้าผีเสื้อสีแสดที่โบยบินผ่านมา เจ้าผีเสื้อยิ้มเล็กน้อย "นั่น คือ เสียงของทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เจ้าจะจินตนาการได้"
หัวใจของกบตัวน้อยนั้น ก็เต้นระรัวด้วยทั้งความตื่นเต้นและหวาดกลัว มันเริ่มออกเดินทางจากบึงน้อยอันคุ้นเคย เพียรกระโดดข้ามก้อนหิน ลัดเลาะผ่านพงหญ้าดอกไม้ และใช้เวลาหลายวันหลายคืน จนในที่สุด มันก็มาถึงชายหาดที่เวิ้งว้างนั้น
เบื้องหน้าของมัน คือ ผืนน้ำสีครามที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา มันได้เห็นฟองคลื่นสีขาวซัดสาดเข้าฝั่งมาไม่ขาดสาย เสียงคำรามก้องกังวานนั้นชัดเจนยิ่งกว่าที่เคย "โอ้โห! นี่ คือ ทะเลหรือนี่" กบตัวน้อยอุทาน ความยิ่งใหญ่ของท้องทะเลทำให้กบน้อยตัวนั้นรู้สึกว่า ตัวมันเองเล็กลงไปถนัดตา
มันนั่งอยู่ริมหาด มองดูคลื่นที่ซัดเข้ามาแล้วจากไปไม่รู้จบพลางคิดว่า "ชีวิตของเราก็คงเหมือนฟองคลื่นเล็ก ๆ เพียงเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียว ก็แตกดับสลายหายไปแล้ว" แล้วมันก็นึกถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินมาว่าพวกมนุษย์ก็เช่นกัน พวกเขามีชีวิตที่สั้นนักเมื่อเทียบกับกาลเวลาที่พวกเขาได้รับมา แต่พวกมนุษย์ก็หลงทางใช้เวลาดิ้นรน แสวงหา เพื่อจะสะสมความทุกข์ใจกับสิ่งที่ไม่จีรัง
กบตัวน้อยไม่ได้รู้สึกเศร้า แต่มันกลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด การได้เห็นความยิ่งใหญ่ของท้องฟ้าและทะเล ทำให้มันเข้าใจว่า ความกังวลเล็ก ๆ ของมันนั้นเล็กน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่
มันตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความหมาย มันจะกระโดดเล่นในบึงอย่างมีความสุข การแหงนมองดวงดาวในยามค่ำคืน หรือ แม้แต่การออกจากบึงมา เพื่อนั่งริมหากแล้วฟังเสียงคลื่นทะเลนั้น
.
.
"หยั่งฟ้า ถามทะเล" ชวนให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรากำลังอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ อะไรคือสิ่งที่เรากำลังต่อสู้ด้วย และอะไรคือความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ ความทุกข์ที่เราเจอ เพราะความอยากที่เราแบกไว้ มันคุ้มค่าแค่ไหนเมื่อเทียบกับเวลาที่เรามีอยู่
"ชีวิต คือ ของขวัญที่สั้นนัก จงใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าราวกับไม่มีวันพรุ่งนี้" นี่ คือ ปรัชญาที่เพลงนี้ตั้งคำถามกับเรา และชวนให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติ มองหาความสุขในสิ่งที่เรียบง่าย ก่อนที่เวลาจะพัดพาเราไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง
แล้วคุณหละ ? อยากจะใช้ชีวิตอันแสนสั้นนี้ไปเพื่อความหมายใด
ฟังเพลงหยังฟ้าถามทะเล
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
- ความเห็น 0
- แชร์แล้ว 0
-
ชอบ 0
-
เก็บไว้ในคลัง 0
- จำนวนการเข้าชม 2




