ความสุขในการทำงาน เริ่มจากผู้นำองค์กร มีความ Slow และ ความเข้าใจ
CEO ที่ดีต้องฟังมากกว่าพูด เข้าใจมากกว่าสั่ง Leadership ยุคใหม่เปลี่ยนแล้ว คนหมดไฟไม่ใช่แค่ปัญหาของ HR แต่เป็นเรื่องของทุกคนในทีมจะแก้ยังไงดี เมื่อทีมเริ่มเฉื่อยชา ไม่มีพลัง

งานและเงิน
ผู้เขียน : ฮีล
เผยแพร่ : 16 เมษายน 2568 เวลา 19.00 น.
ปรับปรุง : 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.12 น.
คลังแสงสำหรับคนที่เป็นหัวหน้าคน และกำลังเผชิญกับภาวะลูกน้องหมดไฟ ลาออกบ่อย โดยเป็นการสนทนาเชิงลึกกับคุณเล้ง ศิริวัฒน์ ซีอีโอของ MFEC ในรายการ “LEADERS’ WISDOM” จากช่อง “แปดบรรทัดครึ่ง” ใน YouTube
โดยบทสัมภาษณ์นี้สำรวจหัวข้อสำคัญของการบริหารจัดการคนและองค์กรในยุคปัจจุบัน คุณเล้งเน้นย้ำถึงความท้าทายที่เกิดจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย ซึ่งนำไปสู่อาการ “Deadwood” ในพนักงาน เช่น สมาธิสั้น และขาดไฟในการทำงาน เขายังเสนอแนวทางแก้ไขโดยการฝึกฝนความช้า (slow) เพื่อสร้างความสมดุลในชีวิต รวมถึงความสำคัญของการเลือกคนที่มีพลังงานและเข้าใจผู้อื่นมากกว่าแค่ความฉลาด นอกจากนี้ บทสนทนายังกล่าวถึงการสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายผ่านการให้และการช่วยเหลือผู้อื่น และเน้นย้ำว่าผู้นำควรมีความเข้าใจลูกน้องและสามารถพัฒนาศักยภาพของพวกเขาได้
เข้าชมคลิปได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
กดไลค์ กด subscribe ช่อง youtube แปดบรรทัดครึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยนะครับ
อ่านก่อนรับชมเพื่อเตรียมพื้นฐานครับ แม้ผมจะสรุปมาให้ แต่ไม่ได้ครบทุกประเด็นนะครับ , ควรจะเข้าฟังคลิปเต็มครับ
1. ทำไมคนในองค์กรถึงหมดไฟเร็ว และโซเชียลมีเดียมีส่วนอย่างไร?
คนในองค์กรสมัยนี้หมดไฟเร็ว เพราะพฤติกรรมจากโซเชียลมีเดีย
ทำให้สมาธิสั้น เบื่อเร็ว ใจร้อน และไม่มีความอดทน
เหมือนผู้ติดยาที่ขาดสารบางอย่างเมื่อไม่ได้เล่นมือถือ
เวลาทำงานก็ไม่โฟกัส ประชุมไปก็ดูโทรศัพท์
แม้จะทำงานเยอะ แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หลายคนยังชอบอยู่ใน Comfort Zone ไม่อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ
แม้ฉลาดแค่ไหน ก็ไม่มีผลงานจริง
2. CEO ในยุคนี้ควรมีทักษะอะไรบ้าง?
CEO ที่ดีในยุคนี้ต้องฝึก “Slow” — ทำอะไรให้ช้าลง
เพราะคนส่วนใหญ่ชอบเร่ง ทำหลายอย่างพร้อมกัน
เลยไม่สามารถรอ ไม่ยอมรับความผิดพลาด และไม่เข้าใจคนอื่น
Slow ช่วยให้มีความอดทน ฟังคนอื่นมากขึ้น และเข้าใจบริบท
นอกจากนี้ ต้องมีทักษะ “เข้าใจคน” ให้มากกว่าความฉลาด
เพราะ AI ก็ฉลาดได้แล้ว
แต่การเข้าใจและกระตุ้นศักยภาพของคนนั้น ยังเป็นทักษะที่หายาก
3. จะสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อใจกับลูกน้องได้อย่างไร?
เริ่มจาก “ทัศนคติเชิงบวก” และ “ความเมตตา”
เพราะคนที่ติดโซเชียลมีเดีย มักอารมณ์เสียบ่อย
หัวหน้าต้องใจเย็น ฟัง ใส่ใจ และแสดง Empathy
ลูกน้องเองก็ควรเข้าใจหัวหน้าเช่นกัน
การใช้คำพูดดี ๆ การพูดคุยแบบเข้าใจ
หรือแม้แต่การแสดงออกถึงความใกล้ชิดในขอบเขตที่เหมาะสม
ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่ม Trust ในทีม
4. พนักงานแบบไหนที่องค์กรต้องการในยุคนี้?
ไม่ใช่แค่ “เก่ง” แต่ต้อง “มีไฟ” และ “เข้ากับคนอื่นได้”
เพราะความเก่งตอนนี้กลายเป็นเรื่องปกติ
AI สามารถแทนได้
แต่พลังงาน ความกระหาย และความสามารถในการรวมคน
กลับเป็นสิ่งที่หาแทนไม่ได้
คนที่เคยทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยมักจะมีทักษะนี้
พวกเขาเข้าใจการทำงานเป็นทีม จัดการความเห็นต่างได้
และช่วยผลักดันให้ทีมเติบโตได้จริง
5. ทำไม “Slow” ถึงสำคัญในชีวิตและการทำงาน?
Slow ช่วยให้เราอดทน รอเป็น เบื่อเป็น
และไม่ตัดสินเร็วเกินไป
คนที่ไม่ Slow มักจะรีบ ไม่ฟังใคร และตัดสินใจผิด
ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหา เช่น ลาออกโดยไม่คิดให้รอบด้าน
การฝึก Slow ยังช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
เช่น จัดเวลาออกกำลังกาย หรือฝึกสมาธิ
ทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข
และสามารถรับมือความเครียดได้ดีขึ้น
6. จะสร้าง Network ที่มีคุณภาพในไทยได้อย่างไร?
เริ่มจากการเป็นคน "ใจกว้าง" และ "น่ารัก"
ไม่ใช่แค่ให้ของ แต่เป็นคนที่ "ช่วยจริง" เมื่อเขาลำบาก
เหมือนหนูกับราชสีห์ — ช่วยในยามเดือดร้อน
ถ้าเราเติมเต็มสิ่งที่คนอื่นขาด
โดยเฉพาะผู้อาวุโสหรือผู้มีความรู้
คนเหล่านั้นจะจำเราได้ และอยากสนิทกับเรา
การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน คือทักษะที่ต้องฝึก
จนกลายเป็น Carisma ที่ดึงดูดคนเข้ามาหาเรา
7. จะแก้ปัญหาพนักงานหมดไฟได้อย่างไร?
แบ่งเป็นสองกรณี:
หมดไฟชั่วคราว: คือเบื่อ หรือ Burnout แก้ได้ด้วยการพูดคุย
บอกเขาตรง ๆ ว่าเขากำลังเจอปัญหาอะไร
และช่วยให้เขารู้ว่าเขายังมีทางเลือก
หมดไฟถาวร: คือไม่ปรับตัว ไม่เปลี่ยน
องค์กรต้องกล้าตัดสินใจ และพูดอย่างจริงใจ
ไม่ใช่เพราะเกลียด แต่เพราะเขาอยู่ผิดที่
การไม่กล้าพูด อาจทำให้ทั้งเขาและองค์กรเจ็บปวดยาวนาน
8. จะทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานได้อย่างไร?
เริ่มจากการช่วยให้พวกเขามี "ความสมดุลในชีวิต"
ฝึกให้ Slow ลง ควบคุมตัวเองให้เป็น
กิจกรรมที่ต้องใช้เวลานาน เช่น วิ่งมาราธอน หรือเล่นกีฬา
ช่วยสร้างวินัย และกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนความสุข
องค์กรควรสนับสนุนกิจกรรมแบบนี้
เพื่อให้พนักงานสามารถจัดการชีวิตและงานได้ดีขึ้น
พอเขาควบคุมตัวเองได้ เขาก็จะมีความสุขและสำเร็จได้จากภายใน
ในคลิปอาจมีคำศัพท์ยาก ๆ อยู่ด้วย ผมจึงเตรียมอภิธานศัพท์ (Glossary of Key Terms) และ คำอธิบายมาให้ด้วย เพื่อการรับชมคลิปได้อย่างเข้าใจ
Deadwood (เดดวูด):
ในบริบทขององค์กร หมายถึง พนักงานที่หมดไฟ ขาดแรงจูงใจ ไม่กระตือรือร้น หรือไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้เป็นภาระหรืออุปสรรคต่อการเติบโตขององค์กร
Social Media Addiction (การติดโซเชียลมีเดีย):
ภาวะที่บุคคลใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อชีวิตส่วนตัว การทำงาน และสุขภาพจิต มีอาการคล้ายการติดสารเสพติด เช่น สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย
Prefrontal Cortex (พรีฟรอนทัล คอร์เท็กซ์):
สมองส่วนหน้าสุดที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ การวางแผน การควบคุมอารมณ์ และสมาธิ คุณเล้งกล่าวว่าการติดโซเชียลมีเดียสามารถทำลายส่วนนี้ของสมองได้
AI Transformation (การเปลี่ยนแปลงด้วย AI):
กระบวนการที่องค์กรนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน การตัดสินใจ และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
Commodity (คอมมอดิตี้):
ในที่นี้หมายถึง สิ่งที่หาง่าย มีอยู่ทั่วไป ไม่ใช่สิ่งพิเศษหรือมีคุณค่าโดดเด่นอีกต่อไป คุณเล้งกล่าวว่าความฉลาดในยุคปัจจุบันกลายเป็นคอมมอดิตี้เพราะ AI สามารถทดแทนได้
Slow (สโลว์ / ความช้า):
แนวคิดที่คุณเล้งแนะนำให้ฝึกฝน หมายถึงการลดความเร่งรีบในชีวิตและการทำงาน เพื่อให้มีสมาธิ ความอดทน และสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
Comfort Zone (คอมฟอร์ตโซน):
พื้นที่หรือสถานการณ์ที่บุคคลรู้สึกคุ้นเคย ปลอดภัย และสบายใจ ไม่ต้องเผชิญกับความท้าทายหรือความไม่แน่นอน การติดอยู่ใน Comfort Zone อาจทำให้ขาดการพัฒนาตนเอง
Burnout (เบิร์นเอาต์):
ภาวะหมดไฟที่เกิดจากการทำงานหนักหรือความเครียดสะสมเป็นเวลานาน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ ขาดแรงจูงใจ และประสิทธิภาพการทำงานลดลง
Work-Life Balance (เวิร์ก-ไลฟ์ แพลนซ์):
แนวคิดเกี่ยวกับการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดความเครียดจากการทำงาน
Oxytocin (ออกซิโทซิน):
ฮอร์โมนแห่งความรักและความผูกพัน ที่หลั่งออกมาเมื่อมีการสัมผัสใกล้ชิด การแสดงความรัก หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
Network (เครือข่าย):
กลุ่มบุคคลหรือความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการสนับสนุน การแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือโอกาสทางธุรกิจและส่วนตัว
Pairing (แพริ่ง):
ในที่นี้หมายถึง การจับคู่หรือการเข้ากันได้ระหว่างบุคคล เช่น การที่หัวหน้าสามารถทำงานร่วมกับลูกน้องบางประเภทได้ดีกว่าประเภทอื่น เหมือนกับการจับคู่อาหารกับไวน์
Authenticity (ออเทนทิซิตี้):
การเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่เสแสร้ง หรือสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากตัวตนภายใน คุณเล้งกล่าวถึงการมีตัวตนหลายแบบในยุคโซเชียลมีเดีย
Carisma (คาริสม่า):
เสน่ห์ส่วนบุคคล หรือคุณสมบัติที่ทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชม ดึงดูด และอยากติดตาม
Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจ):
จำนวนครั้งที่หัวใจเต้นในหนึ่งนาที ใช้เป็นตัวบ่งชี้ระดับความฟิตของร่างกาย และคุณเล้งเชื่อมโยงกับการควบคุมอารมณ์และความเย็นใจ