เริ่มชีวิตใหม่ ทำอาหารขายในตลาดนัด
เลือกเมนูที่ทำได้เร็ว เป็นที่นิยม คนกินได้บ่อย ๆ ตามลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของตลาดนัด ไม่ใช่แค่อยากลอง ถ้าทำได้ให้เลือกอาหารที่อิ่มท้อง ไม่ต้องปรุงนาน ไม่ต้องใช้แรงงานมาก จะช่วยให้คุณอยู่รอดได้แม้แข่งขันสูง

งานและเงิน
ผู้เขียน : ฮีล
เผยแพร่ : 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 06.41 น.
ปรับปรุง : 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 23.23 น.
คลังแสงงานและเงิน สำหรับคนที่ต้องการลงทุนขายอาหารในตลาดนัด ผมเลือกแหล่งคอร์สสอนออนไลน์ที่ไม่ฟรี มาให้ครับ เหตุผลที่ผมเลือกแบบไม่ฟรี เพราะว่า คุณสามารถขอรับคำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาได้ และ เมื่อเขาสอนแบบเก็บเงิน นั่นก็แปลว่า เขาก็ต้องคัดกรองสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนจ่ายเงินเรียน
การลงทุนที่ไม่สะเปะสะปะ ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ประสบการณ์สอนผมว่า คุ้มค่ากว่าการหาลองผิด ลองถูก จาก youtube บ้าน ๆ เพราะเป้าหมาย คือ คุณต้องทำขาย ไม่ใช่ ทดลองทำ
เวลามีค่ากว่าเงิน ใช้เวลาด้วยเงินให้ถูกที่ ชีวิตก้าวหน้าคร้าบบ
1. สูตรอาหารสำหรับขายในตลาดนัด By เชฟแว่น
ด้วยยอดผู้ติดตามเพจ 5 แสนกว่าคน มีการอัพเดทเนื้อหาด้วยสูตรใหม่ ๆ ให้อย่างสม่ำเสมอ และ ค่าเรียนไม่แพง หลักร้อยก็มี มีรีวิวการันตีว่าลองทำตามแล้ว ออกมาอร่อย ผมจึงเลือกมาให้ครับ
ติดต่อได้ที่ 092-974-8252
ลิงค์นี้ปลอดภัยเราตรวจสอบแล้ว
2. TeachPot
เว็บไซต์สอนออนไลน์ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีประสบการณ์เข้ามาทำคลาสสอน ซึ่งไม่ได้มีแค่อาหาร แต่ยังมีคลาสสอนอาชีพพวกงานทำมืออื่น ๆ ด้วยครับ เช่น งานปั้น, ทำสบู่, เทียหอม, ทำเครื่องสำอาง, งานเครื่องหนัง, งานจัดดอกไม้ ร้อยมาลัย, งานประดิษฐ์อื่น ๆ รวม ๆ คอร์สเรียน 700 กว่าคอร์สเรียน ราคาค่าเรียนก็แตกต่างกันไปครับ
ข้อดี คือ มีผู้สอนจากหลายประสบการณ์ มุมมอง แตกต่างจากเชฟแว่นที่ผู้สอนคนเดียว แต่ข้อเสียก็มีนะครับ คือ วัดได้ยากว่าผู้สอนคนนั้นเชี่ยวชาญจริง ๆ ในอาชีพนั้น ๆ ไหม ที่ผมแนะนำได้ คือ ในรายละเอียดของคลาส จะมีรีวิวการสอน และ ให้คุณลองเอาชื่อผู้สอนไปค้นหาใน google เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับผู้สอนได้ครับ
ติดต่อได้ที่
Link Unverify
📌 คนไปตลาดนัดเขาอยากได้อะไร
ตลาดนัดไม่ใช่แค่สถานที่ซื้อของกินธรรมดา ๆ แต่ คือ พื้นที่ของการ “เดินเที่ยว” พร้อมกับ “กินให้คุ้ม”
คนไปตลาดนัดส่วนใหญ่ต้องการ
- อาหารอร่อย ราคาเบา
- ชอบลองของใหม่ แต่ไม่เสี่ยงเกินไป
- สนใจ “ประสบการณ์” ในการกิน เช่น ความแปลก, ความสะดวก, ความคุ้นเคย
📌ข้อมูลจาก Lemon8 และ TrueID Food ระบุว่า เมนูที่ขายดีในตลาดนัด มักเป็นเมนูที่ “เข้าถึงง่าย” และ “กินคล่อง”
- ขนมปังปิ้ง / อบชีส
- โรตี / ชาไข่มุก
- ส้มตำ / ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
- ข้าวไข่เจียว / ก๋วยเตี๋ยวคลุก
- น้ำผลไม้ปั่น / น้ำสมุนไพร
🧮 ต้นทุน & กำไร ต้องรู้ว่าเริ่มต้นเท่าไหร่ แล้วจะได้กลับมาเท่าไหร่
หลายคนคิดว่าขายของตลาดนัด “ไม่ต้องลงทุนเยอะ” แต่จริง ๆ แล้ว ความสำเร็จอยู่ที่ “การวางแผน” มากกว่า “การลงทุน” คร้าบบ คนที่ขายไม่ดีจะมีแนวคิดผิด ๆ ว่า 'ไม่ต้องลงทุนเยอะ' จนสภาพร้าน หรือ สินค้า ดูเกรดล่างเกินราคา หรือไม่ ก็ 'ลงทุนเยอะ ๆ จะได้แตกต่าง' กลายเป็น 'ดีเกินไป กำไรหายไปกับความโอเวอร์'
💰 ตัวอย่างการลงทุนเริ่มต้น (ประมาณการ):
- เตา + อุปกรณ์ 5,000 – 10,000 บาท
- วัตถุดิบวันแรก 2,000 – 3,000 บาท
- โต๊ะ/เก้าอี้/หลังคา 3,000 – 5,000 บาท
- ใบอนุญาต/ค่าเช่าแผง 300 – 1,000 บาท/วัน
- การตลาดออนไลน์ (ต้องมีแล้วแก เดี๋ยวนี้หนะ ) 500 – 2,000 บาท
รวมประมาณ 10,000 – 20,000 บาท เป็นต้นทุนเบื้องต้นที่ควรวางแผนไว้
📈 กำไรที่คาดหวัง ต้องกล้าหวังและกล้าผิดหวัง
รายได้วันละ 3,000 – 7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินในพื้นที่) ต้นทุนอาหารเฉลี่ย 20–30% หากควบคุมต้นทุนได้ดี กำไรสุทธิอาจอยู่ที่ 30–50%
คำแนะนำจาก SME Thailand “เลือกเมนูที่ทำได้เร็ว เป็นที่นิยม คนกินได้บ่อย ๆ ตามลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของตลาดนัด ไม่ใช่แค่อยากลอง ถ้าทำได้ให้เลือกอาหารที่อิ่มท้อง ไม่ต้องปรุงนาน ไม่ต้องใช้แรงงานมาก จะช่วยให้คุณอยู่รอดได้แม้แข่งขันสูง”
🔥 เมนูขายดีประจำตลาดนัด (2025)
ตามรายงานจาก TrueID Food และ Lemon8 เมนูที่ขายดีในตลาดนัดปี 2025 มีดังนี้:
อันดับ | เมนู | เหตุผลที่ขายดี |
---|---|---|
1 | ขนมปังปิ้ง / อบชีส | ราคาถูก ทำง่าย ขายได้ทั้งเด็กและวัยรุ่น |
2 | ข้าวไข่เจียว | อาหารจานด่วนที่ใครก็คุ้นเคย |
3 | ส้มตำ | รสจัดจ้าน ทานง่าย เข้ากับทุกโอกาส |
4 | โรตี | ไม่จำกัดกลุ่มอายุ ขายได้ทั้งเช้า-เย็น |
5 | ลูกชิ้นทอด | ของกินเล่นที่เด็กชอบ ผู้ใหญ่ก็ทานได้ |
6 | น้ำผลไม้ปั่น / น้ำสมุนไพร | ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ |
7 | ข้าวแกงร้อน ๆ | คนทำงานชอบ เพราะกินแล้วอิ่ม |
8 | แซนด์วิชไส้แน่น | สะดวก ถือกินได้ ไม่เลอะเทอะ |
9 | เครป | หลากหลายหน้า ขายได้ทั้งคาวและหวาน |
10 | ขนมโตเกียว | กลิ่นหอม น่าสนใจ ทำให้คนหยุดดูได้ง่าย |
🛠️ กลยุทธ์อยู่รอดในสงครามตลาดนัด?
ในขณะที่หลายคนเริ่มขายอาหารตลาดนัดโดยหวังว่าจะ “ขายคล่อง” แต่หลายคนก็ “เจ๊งเร็ว” เพราะขาดเคล็ดลับสำคัญ
✅ 1. สร้างเอกลักษณ์ให้จดจำได้
- “เมนูไม่ต้องเยอะ แต่ต้องมีอะไรที่แตกต่าง” เช่น ใส่ซอสพิเศษ, ใส่ไอเดียแปลกใหม่, หรือ เพิ่มลูกเล่นในการเสิร์ฟ เช่น “ข้าวไข่เจียวทรงเครื่อง”, “โรตีลาวาชีส”
- “อย่าพยายามขายให้ทุกคน จงขายให้คนที่ชอบคุณจริง ๆ”
✅ 2. จำกัดจำนวนเมนู
- “ขายแค่ 3–5 เมนู แต่ทำให้ดีที่สุด”
- การมีเมนูเยอะเกินไป ทำให้คุณต้องเตรียมวัตถุดิบหลายอย่าง ซึ่งเพิ่มต้นทุนและความเสี่ยง
✅ 3. ทำให้เขาอยากกลับมาซื้อซ้ำ
- “อย่าโฟกัสแค่ขายให้หมด แต่ให้โฟกัสว่า ‘เขาจะกลับมาไหม’”
- หากคุณทำให้ลูกค้าประทับใจ ไม่ว่าจะด้วยรสชาติ หรือการบริการ พวกเขาจะกลายเป็น “แฟนประจำ” ของคุณเอง
✅ 4. ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือเสริม
- “การโพสต์รูปอาหารบน Facebook, TikTok หรือ Instagram ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นเรื่องจำเป็น”
- คุณไม่จำเป็นต้องมีลูกเล่นเยอะ แค่ถ่ายอาหารให้ดูดี และเล่าเรื่องของคุณให้น่าสนใจ ก็พอ และ ทำทุกวัน .. ขอร้อง
✅ 5. เรียนรู้จากพฤติกรรมผู้คนรอบตัว
- จากหลักการของ Albert Bandura ที่บอกว่า “เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ”
- แปลงเป็นแนวคิดทางธุรกิจได้ว่า “ผู้คนชอบทำตามสิ่งที่เห็นว่าคนอื่นทำแล้วสำเร็จ”
- ดังนั้น หากคุณเห็นร้านอื่นขายดี ลองศึกษาว่าเขาทำอะไร แล้วเอามาปรับให้เหมาะกับสไตล์คุณเอง
🧠 วิเคราะห์เชิงจิตวิทยา ทำไมบางคนถึงขายดี บางคนขายไม่ได้
🎯 1. ความไว้วางใจเกิดจาก “First Impression”
- มนุษย์ตัดสินใจภายใน 15 วินาทีแรก จากภาพลักษณ์
- ถ้าคุณแต่งร้านสะอาด หน้าตาดี ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
- คนจะไว้ใจคุณมากขึ้น แม้จะยังไม่ได้กินเลย!
🎯 2. “ความรู้สึกปลอดภัย” คือ จุดขาย
ผู้คนต้องการอาหารที่ “รู้ว่ามาจากไหน” ถ้าคุณสามารถแสดงให้เห็นว่า
- วัตถุดิบคุณสด
- คุณทำเองทุกอย่าง
- คุณใส่ใจเรื่องความสะอาด
- คุณจะชนะใจลูกค้าได้แม้จะไม่ใช่ร้านใหญ่โต
🎯 3. “การเล่าเรื่อง” สร้างความผูกพัน
“คนไม่ได้ซื้อแค่อาหาร แต่เขาซื้อ ‘ประสบการณ์’” ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ซื้ออาหารเพราะพ่อค้าแม่ค้ามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เช่น
“เราเป็นแม่ค้าคนหนึ่งที่ออกจากงานประจำ มาลองทำอาหารขายเอง”
“เราทำอาหารจากสูตรโบราณของยาย”
“เราอยากให้คนกินดี โดยไม่แพงเกินไป”
เพียงแค่นี้ ก็เปลี่ยน “ร้านอาหาร” ให้เป็น “แบรนด์ที่มีชีวิต”
⚖️ สุดท้าย ก่อนจะออกไปเริ่มชีวิตใหม่ ถือคติว่า อย่าปล่อยให้ความฝัน ต้องกลายเป็น “ความเสี่ยง”
⚠️ 1. อย่ามองข้ามคู่แข่ง
- ตลาดนัดเต็มไปด้วยผู้ขายที่มีประสบการณ์
- คุณต้องมีจุดแข็งที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ “ทำเหมือนเขา แต่หวังว่าจะขายดีกว่าเขา”
⚠️ 2. อย่าหลอกตัวเองว่า “ขายง่าย” ขายดี เริด สวย คนมุง
- บางทีคุณอาจขายได้ในวันแรก ๆ แต่หากไม่ปรับตัว
- ยอดขายจะลดลงเรื่อย ๆ
- เพราะคนเริ่มเบื่อ และเริ่มเทียบกับร้านอื่น
⚠️ 3. อย่าใช้ “ความรู้สึก” แทน “ข้อมูล”
- ดร. ตริน เคยยกตัวอย่างการทดลองของผู้พิพากษา 8 คน
- พบว่าแม้แต่ “ผู้ตัดสิน” ยังถูกอารมณ์หิ้วขึ้นลงได้
- แล้วคุณล่ะ? กำลังตัดสินใจด้วยหัวใจหรือเหตุผล?
- “อย่าตัดสินใจด้วยความรู้สึกตอนหิว… คุณอาจลงเอยด้วยการลงทุนผิดจุด”
⚠️ 4. ทำบัญชี ไม่ใช่คิดแค่ว่า ลงทุน 2,500 บาท ขายได้ 4,000 บาท กำไร 1,500 บาท
- หลักบัญชีง่าย ๆ ต้องรู้ แยกต้นทุนแฝง เจ้าหนี้ ลูกหนี้ ง่าย ๆ หาดูในยูทูป
- ยอดขาย รายได้ กำไร กำไรสุทธิ ไม่เหมือนกัน คุณแยกได้ คุณจะรู้ว่า 'เวลา' ที่หาซื้อคืนไม่ได้ 'คุ้ม' ไหมกับสิ่งที่ผลาญเวลาไป
- บัญชี ทำให้คุณมีเงินเก็บ แยกเงินบริหาร และ ยังช่วยยับยั้งใจในการใช้เงิน ที่ผิดเป้าหมาย ผิดเวลา
สรุปได้ว่า อยากขายอาหารในตลาดนัดให้รอด ต้องคิดให้ดี
- เลือกเมนูที่ทำได้เร็ว ขายคล่อง และมีเอกลักษณ์
- เรียนรู้จากพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ความชอบส่วนตัว
- สร้างความเชื่อมโยงผ่านการเล่าเรื่อง ไม่ใช่แค่การโฆษณา
- อย่าคิดว่า “ขายง่าย” เพราะตลาดนัดแข่งกันด้วย “ความใส่ใจ” ไม่ใช่แค่ “ความอร่อย”
- อย่าลืมวางแผนเรื่องต้นทุนและการจัดการหนี้
- เพราะหากพลาด การกู้หนี้สินเพื่อมาทำตลาดนัด อาจพาคุณเข้าสู่วงจร “ทำแล้วเจ๊งซ้ำ” ได้