"พ่อครับ คล้องโซ่ให้ผมด้วยนะครับ"
เด็กน้อยกระซิบแผ่วเบา ดวงตาคู่เล็กฉายแววความหวังอันเปี่ยมล้น
เช้าวันนั้นก็ดำเนินไปไม่ต่างจากทุกวัน "ตื่นได้แล้ว! ล้างหน้าหวีผม! ใส่เสื้อเร็วเข้า!" เสียงของพ่อดังขึ้น "ไม่มีเวลาแล้ว! ดื่มน้ำผลไม้บนรถ ระวังอย่าให้หกเชียว!"
"เมื่อกี้พ่อบอกว่าไงนะ! หกเลอะเสื้ออีกแล้ว! พ่อเหนื่อยหน่ายจริงๆ แกนี่ทำอะไรไม่เคยถูกเลย!"
เด็กชายเงียบงัน เขาไม่กล้า แม้กระทั่งเอ่ยปากเรียก "พ่อ" เพราะความหวาดกลัวเข้าเกาะกุม
ที่โรงเรียน จิตใจของเขาเลื่อนลอย ความเศร้าสร้อยปกคลุมอยู่เสมอ เขาเฝ้าแต่สงสัยว่าเหตุใดเด็กคนอื่นๆ ถึงมีความสุข ในขณะที่เขาไม่มี
บ่ายวันนั้นหลังเลิกเรียน ด้วยความกล้าเพียงน้อยนิดที่นาน ๆ ครั้งจะปรากฏ เด็กชายก็เอ่ยถามผู้เป็นพ่อในขณะที่เขากำลังนั่งดื่มกาแฟยามบ่าย
"วันนี้คุณครูถามว่า 'พ่อของเธอทำงานอะไร?' แล้วผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีครับ"
"พ่อฝึกสุนัข"
พ่อตอบขึ้นมาทันที โดยที่ไม่หันหน้ามามองเด็กชาย
"พ่อสอนอะไรพวกมันบ้างครับ ?"
เด็กชายถามเสียงเบาหวิวมาจากด้านหลังของผู้เป็นพ่อ
พ่อเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยเสียงถอนหายใจดัง และถอยเก้าอี้เพื่อขยับตัวลุกขึ้นยืน จนเสียงขาเก้าอี้ที่ลากครูดไปกับพื้นบ้านดังลั่น เด็กน้อยกลัวจนตัวสั่น เขาก้าวถอยหลังห่างจากผู้เป็นพ่อ แล้วก้มหน้าลงมองพื้น
"พ่อสอนให้มันเชื่อฟัง ไม่ให้มันทำลายข้าวของ สอนให้มันปกป้องและช่วยนำทางคนตาบอด สอนให้มันช่วยชีวิตคน สอนให้มันอดทนและกล้าหาญ และซื่อสัตย์ และให้มันทำทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน"
ผู้เป็นพ่อหันหลังกลับไปมองลูกชายด้วยท่าทีขึงขัง
"แล้วพ่อฝึกพวกมันยังไงครับ ?" เด็กน้อยแทบจะแผ่วเสียงถามผู้เป็นพ่อ
"ก็แค่คล้องโซ่เล็ก ๆ บนคอของพวกมัน แล้วเดินอยู่ข้าง ๆ พูดกับมันด้วยเสียงที่สงบ ค่อย ๆ แก้ไขข้อผิดพลาดมัน โดยไม่ทำร้ายมัน เพื่อให้มันรู้ว่า มันจะได้รับความรัก ความเมตตา เพื่อให้มันรู้ว่าพ่อไม่ได้โกรธพวกมันเมื่อมันทำผิด แต่มันทำให้พ่อต้องใช้ความอดทน และ ความอดทนมากมายเลยทีเดียว แกจะถามอะไรให้มากความ" น้ำเสียงที่ขุ่นมัวของผู้เป็นพ่อส่งไปถึงเด็กน้อย
.
.
เด็กชายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก น้ำตาของเขาเอ่อล้นคลอเบ้า เด็กน้อยที่น่าสงสาร เงยหน้าขึ้นมองตาผู้เป็นพ่อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"ถ้าอย่างนั้น
คล้องโซ่ให้ผมด้วยนะครับพ่อ
ผมอยากเรียนรู้กับพ่อ
ขอให้พ่อแก้ไขผม
โดยไม่ต้องตะคอกนะครับ
และขอให้พ่ออดทนกับผมให้มากๆ นะครับ
ผมจะปกป้องบ้านของเรา
ผมจะเรียนรู้ที่จะดูแลคนอื่นๆ
แล้วถ้าวันหนึ่ง พ่อมองไม่เห็น
ผมจะเป็นดวงตาและปกป้องพ่อเองครับ
แค่...คล้องโซ่ให้ผมด้วย"
ในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดของเด็กชาย เมื่อเขาได้เอ่ยคำขอที่สะท้อนถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้รับการยอมรับและความรักจากผู้เป็นพ่อด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์
หัวใจของผู้เป็นพ่อก็แตกสลาย ความรู้สึกผิดจากการกระทำและคำพูดอันแข็งกระด้างที่ทำร้ายลูกชายมาตลอด ก็ได้ถาโถมเข้าใส่หัวใจ
ความรักอันบริสุทธิ์ของเด็กน้อย ทำให้ผู้เป็นพ่อโผกอดลูกชายตัวเอง ด้วยอ้อมกอดที่ไม่เคยให้เด็กน้อยมาก่อน และ ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น โซ่แบบใหม่ที่มองไม่เห็นได้ถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่โซ่บังคับ แต่เป็นสายใยแห่ง ความรัก ความอดทน และความอ่อนโยน ที่ถักทอเชื่อมโยงหัวใจของพ่อลูกเข้าไว้ด้วยกัน
'พ่อขอโทษนะ .. ลูกรัก' นี่คือ คำพูดที่ผู้เป็นพ่อบอกกับเด็กน้อยด้วยหัวใจเช่นกัน














ยังไม่มีความเห็น
ยืนยันการลบความเห็น