การบูลลี่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเยาวชนไทย มีข่าวและกรณีศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่องครับ
ภาพรวมปัญหาการบูลลี่ในประเทศไทย:
สถิติสูง: จากการสำรวจของกรมสุขภาพจิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนไทยอยู่ในระดับที่สูง โดยมีรายงานว่าเด็กไทยเคยถูกบูลลี่ในโรงเรียนสูงถึง 86.9% (ข้อมูลจาก สภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยปี 66 และ Hfocus) และประมาณ 44.2% ของเด็กและเยาวชนไทยเคยถูกบูลลี่ (กรม สบส.)
รูปแบบการบูลลี่: ส่วนใหญ่เป็นการล้อเลียนหน้าตาหรือบุคลิก (76.6%) ตอกย้ำปมด้อย ด่าทอ (63.3%) และทำร้ายร่างกาย (55.1%) นอกจากนี้ยังมีการบูลลี่ทางสังคม เช่น การกีดกันออกจากกลุ่มเพื่อน และไซเบอร์บูลลี่ (Cyberbullying) ที่มีความรุนแรงมากขึ้น
ผลกระทบ: การบูลลี่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความเครียด, ซึมเศร้า, ไม่อยากไปโรงเรียน, ขาดสมาธิในการเรียน, เก็บตัว, และในบางกรณีนำไปสู่การทำร้ายตัวเองหรือถึงขั้นเสียชีวิต
ตัวอย่างข่าวและกรณีศึกษาที่สะเทือนใจ:
กรณีเด็ก 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต (ม.ค. 2566): ข่าวจาก Thai PBS ระบุว่า เด็กหญิงวัย 15 ปีตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต พร้อมเขียนจดหมายระบายความในใจว่าถูกเพื่อนบูลลี่ในห้องเรียน กรณีนี้เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากและทำให้สังคมตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาบูลลี่
กรณีเด็ก ม.2 แทงเพื่อนเสียชีวิต (ม.ค. 2567): แม้จะไม่ได้ระบุว่าเกิดจากการบูลลี่โดยตรง แต่บางข่าวก็เชื่อมโยงกับปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มนักเรียน ซึ่งอาจมีปัจจัยเรื่องการบูลลี่หรือการถูกกลั่นแกล้งเข้ามาเกี่ยวข้อง
กรณีแม่ร้องลูกถูกบูลลี่จนป่วยซึมเศร้า (ก.พ. 2566): Thai PBS รายงานกรณีที่แม่ร้องเรียนว่าลูกสาววัย 13 ปี ถูกเพื่อนบูลลี่ด้วยการฉีกและเขียนด่าทอในสมุด จนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมีอารมณ์แปรปรวน
งานวิจัยเรื่องการกลั่นแกล้งในมหาวิทยาลัย: มีงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องการกลั่นแกล้งในมหาวิทยาลัย เช่น "การกลั่นแกล้งในมหาวิทยาลัย : กรณีศึกษานิสิตที่มีความต้องการพิเศษ" ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปี 2019) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการบูลลี่ยังคงเกิดขึ้นในระดับอุดมศึกษา และส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง

เรื่องจริงที่ขอเปลี่ยนชื่อตัวละคร กับ เหตุการณ์ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของภาคอีสาน เมื่อปี 2566
เงาที่กลืนกิน 'ฝ้าย' และความเงียบของ 'บอส'
ฝ้าย เด็กหญิงร่างเล็กในชุดนักเรียนมัธยมปลาย เธอเคยมีดวงตาที่สดใสราวกับดอกไม้ป่า แต่ช่วงหลังมานี้ แววตาคู่นั้นกลับหม่นแสง ราวกับถูกเงาบางอย่างปกคลุม รอยยิ้มที่เคยสดใสก็เลือนหายไป เหลือเพียงความเงียบงันที่น่าอึดอัด
เรื่องราวความเจ็บปวดของฝ้ายเริ่มต้นจากการไม่ถูกชะตากันกับ กลุ่มของ 'ดาว' เด็กสาวที่ได้รับความนิยมในโรงเรียน ดาวมักจะมองฝ้ายด้วยสายตาเหยียดหยาม และหาเรื่องกลั่นแกล้งเธออยู่เสมอ โดยมีเพื่อนสนิทอย่าง 'พลอย' และ 'นัท' คอยสนับสนุนและร่วมวงด้วยเสมอ
บาดแผลเล็กๆ ที่สะสม
แรกๆ การกลั่นแกล้งเป็นเพียงคำพูดจิกกัด เสียดสี รูปร่างหน้าตา และเสื้อผ้าของฝ้ายที่ไม่ได้มีราคาแพงเหมือนคนอื่นๆ ในกลุ่มของดาว คำว่า "ซอมซ่อ" "บ้านนอก" มักจะดังแว่วมาเมื่อฝ้ายเดินผ่าน ต่อมา การแกล้งเริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อฝ้ายพบว่าหนังสือเรียนของเธอถูกขีดเขียนด้วยคำหยาบคาย หรือข้าวกลางวันที่เธอเตรียมมาถูกเททิ้งอย่างไร้เหตุผล
ในขณะเดียวกัน 'บอส' นักเรียนชายที่อยู่ในห้องเรียนเดียวกับฝ้าย ได้แอบสังเกตเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ้ายมาโดยตลอด บอสเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เขารู้สึกเห็นใจฝ้ายอย่างมาก เขาเคยเห็นกลุ่มของดาวผลักฝ้ายจนล้ม หรือแอบขโมยของใช้ส่วนตัวของเธอไปโยนทิ้ง แต่ด้วยความกลัวที่จะถูกกลุ่มของดาวหันมาเล่นงานเอง บอสจึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้เงียบๆ
ความโดดเดี่ยวและการถูกมองข้าม
ฝ้ายพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มของดาว แต่พวกเธอก็มักจะหาเรื่องเธอได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียน ทางเดิน หรือแม้แต่ในโรงอาหาร ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือฝ้าย เพราะทุกคนต่างก็หวาดกลัวอิทธิพลของดาวและกลุ่มเพื่อน
ความเจ็บปวดของฝ้ายทวีคูณขึ้นเมื่อการบูลลี่ลามไปถึงโลกออนไลน์ รูปภาพของเธอที่ถูกตัดต่อในลักษณะที่น่าอับอาย ถูกโพสต์และแชร์กันในกลุ่มลับของนักเรียน คำพูดที่รุนแรงและหยาบคายถาโถมเข้าใส่เธอในทุกช่องทาง ทำให้ฝ้ายรู้สึกเหมือนถูกโลกทั้งใบตัดสินและทอดทิ้ง
ฝ้ายเคยพยายามเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ครูที่ปรึกษาฟัง แต่ครูก็เพียงแค่เรียกดาวมาตักเตือนแบบผิวเผิน โดยไม่ได้เข้าใจถึงความรุนแรงทางจิตใจที่ฝ้ายได้รับ หลังจากการตักเตือน ดาวและเพื่อนก็ยิ่งแสดงออกถึงการไม่พอใจและเพิ่มระดับการกลั่นแกล้งฝ้ายมากขึ้น
ความเงียบที่น่าเศร้าของบอส
บอสเห็นความทุกข์ทรมานของฝ้ายที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เขาเห็นแววตาที่ค่อยๆ หมดหวังของเธอ เขาอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความกลัวยังคงกัดกินหัวใจของเขา เขาคิดว่าถ้าเขาเข้าไปยุ่ง เรื่องอาจจะยิ่งแย่ลงไปอีกสำหรับฝ้าย หรือไม่ก็เขาเองที่จะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป ความเงียบของบอสจึงกลายเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้ฝ้ายรู้สึกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น
จุดจบที่ไม่มีใครคาดคิด
ในเช้าวันหนึ่ง ฝ้ายไม่ได้มาโรงเรียน ครูประจำชั้นโทรศัพท์แจ้งผู้ปกครอง แต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้ จนกระทั่งพ่อแม่ของฝ้ายพบร่างไร้วิญญาณของเธอบนห้องนอน พร้อมจดหมายลาตายที่เขียนด้วยลายมือสั่นเครือ ระบายถึงความเจ็บปวดจากการถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกโดดเดี่ยว และความสิ้นหวังที่ไม่เห็นทางออก
ข่าวการเสียชีวิตของฝ้ายสร้างความตกใจและความเสียใจให้กับเพื่อนๆ และครูในโรงเรียน กลุ่มของดาวตกอยู่ในความเงียบและความหวาดกลัว แต่สิ่งที่น่าเศร้าไม่แพ้กันคือ ความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจของบอส เขาได้แต่โทษตัวเองที่เลือกที่จะเงียบ มองดูฝ้ายจมดิ่งสู่ความมืดมิดโดยที่ไม่กล้าทำอะไรเลย ความเงียบของเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งของเงาที่กลืนกินฝ้ายไปตลอดกาล
แชร์ให้เพื่อน












ยังไม่มีความเห็น
ยืนยันการลบความเห็น